“คลัง”จ่อเพิ่มเงิน-เวลา“คนละครึ่ง” เพื่อแบ่งบาระค่าใช้จ่ายยุคสินค้าแพง



  • หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณา
  • แบ่งเบาภาระยุคสินค้าแพง
  • ย้ำกักตุนสินค้าผิดกฎหมาย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ  รมว.คลัง เปิดเผยว่า กรณีสินค้ามีราคาแพงนั้น รัฐบาลได้มีการคุมราคาในส่วนของพลังงาน และกระทรวงพาณิชย์  ก็ได้เข้าไปดูแลในเรื่องราคาสินค้าแล้ว ซึ่งเป็นการดูแลเรื่องต้นทุน ก็จะทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนจะมีผลต่อการบริโภคของประชาชนมากน้อยเพียงใดนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดโครงการคนละครึ่งเฟส 4 นอกจากขยับระยะเวลาการเริ่มโครงการให้เร็วขึ้น จากวันที่ 1 มี.ค.2565 เป็นกลางเดือนก.พ.2565แล้ว ยังจะพิจารณาเพิ่มวงเงินมากกว่า 1,500 บาท และขยายระยะเวลาการใช้ออกไป จาก 2 เดือน เป็น 3 หรือ 4 เดือน ซึ่งการเพิ่มระยะเวลาการใช้สิทธิ์ของโครงการนั้น จำเป็นต้องเพิ่มวงเงินด้วย เพื่อให้สอดคล้องกัน ส่วนจะเพิ่มวงเงินต่อคนเท่าใด รวมถึงระยะเวลาเท่านั้น ต้องรอผลสรุปของคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการคนละครึ่งให้ได้ข้อยุติก่อน  คาดว่าจะมีข้อสรุปเร็วๆนี้

“การขยับเวลา การเพิ่มวงเงิน และเพิ่มเวลาการใช้สิทธิ์นั้น เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน ในยุคสินค้าราคาแพง ซึ่งโครงการคนละครึ่ง ถือว่าประสบความสำเร็จทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม วิสาหกิจชุมชน เศรษฐกิจฐากราก เพราะฉะนั้นเงินจะมากจะน้อย ต้องพิจารณาตามความจำเป็น เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ”

นายสันติ กล่าวต่อว่า สำหรับสินค้าราคาแพง โดยเฉพาะเนื้อหมูนั้น นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบตั้งแต่กระบวนการจากฟาร์มเลี้ยงหมู โรงชำแหละหมู  ห้องเย็น ว่ามีการกักตัน เพื่อทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นหรือไม่  หากตรวจสอบพบว่ากักตุน ก็ต้องลงโทษ  ใหญ่แค่ไหนก็จับ เพราะทำผู้บริโภค และประชาชนเดือดร้อน  

ส่วนเรื่องการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบว่าเป็นสาเหตุของราคาหมูแพงหรือไม่  เพราะหากตรวจสอบไม่รอบคอบ  ตัดสินใจให้นำเข้า  ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศได้  แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็ต้องให้มีการนำเข้า ทั้่งนำเข้าหมู และวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ”