

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบข้อห่วงใยการเดินทางเข้า-ออก ประเทศในรูปแบบ “Test to Go” มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ได้ลงทะเบียนรวมทั้งที่ได้รับการอนุมัติแล้วประมาณ 2 แสนราย บางส่วนได้เดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว ส่วนที่เหลือจะทยอยเดินทางเข้าประเทศไทยหลังจากนี้ ซึ่งมีจำนวนไม่มากนัก
ดังนั้นจึงเห็นควรตามมติ ศบค. เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา ให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าไทยในรูปแบบ Test and Go ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วยังสามารถเดินทางเข้ามาได้ตามมาตรการที่กำหนด และตามวันเวลาที่ขออนุมัติ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ ปัจจัยเสี่ยง พฤติกรรม/สถานที่เสี่ยงต่างๆ เพื่อนำมาปรับมาตรการให้สอดคล้องกับพัฒนาการของการแพร่ระบาดในประเทศและทั่วโลกด้วยในการนี้ ศบค. มีมติเพื่อยกระดับสถานการณ์ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 ดังนี้
1.การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.65
– พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวยังคงเดิม ได้แก่ พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวทั้งจังหวัดจำนวน 8 จังหวัด และเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวบางพื้นที่ 18 พื้นที่/จังหวัด ซึ่งใช้มาตรการเดียวกับพื้นที่เฝ้าระวัง
– ส่วนที่เหลือ ปรับเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) รวม 69 จังหวัด ได้แก่ พื้นที่ทั้งจังหวัดจำนวน 51 จังหวัด และบางพื้นที่จำนวน 18 พื้นที่/จังหวัด โดยใช้มาตรการพื้นที่ควบคุม (สีส้ม)
2.เพิ่มมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว สำหรับบริโภคสุราในร้านอาหาร
– ร้านอาหารปิดตามเวลาที่กำหนด และจำกัดเวลาบริโภคสุรา ไม่เกิน 21.00 น.
– จำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภคสุราได้ ต้องผ่าน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น
3.ขยายเวลา Work From Home ออกไปถึงวันที่ 31 ม.ค. 65 ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อบริการประชาชน และการดำเนินงานขององค์กร
4.สถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ เต็มรูปแบบ ยังคงงดการเปิดให้บริการ แต่สามารถขอเปิดดำเนินการในรูปแบบร้านอาหารได้ โดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. ตรวจประเมิน และพิจารณาอนุญาตก่อนการเปิดกิจการ และจัดระบบกำกับติดตามอย่างเคร่งครัด
5. ยกระดับมาตรการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
– ระงับการลงทะเบียนประเภท Test and Go ออกไปก่อน โดยจะมีการประเมินและพิจารณาอีกครั้ง
– ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในรูปแบบ Test and Go ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วยังสามารถเดินทางเข้ามาได้ตามมาตรการที่กำหนด และตามวันเวลาที่ขออนุมัติไว้ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้จะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ
– เปิดพื้นที่ Sandbox ที่อนุญาตให้ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพิ่มเติมจาก จ.ภูเก็ต ได้แก่ จ.สุราษฏธานี (เฉพาะ เกาะสมุย เกาะเต่า เกาะพงัน) จ.กระบี่ และ จ.พังงา ทั้งจังหวัด
6.การยกระดับความพร้อมของหน่วยงานเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ดังนี้
-การตรวจกิจการกิจกรรมที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะ การลักลอบทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยง ร้านอาหารที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ และการควบคุมผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
-ยกระดับการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดและการรักษาพยาบาล ตั้งแต่ระบบการรับแจ้งเหตุ (Call Center) การคัดกรอง/คัดแยกผู้ป่วย และการรักษาตามระดับความรุนแรงของอาการ
-การเตรียมความพร้อม รพ.หลัก รพ.สนาม CI HI Hospitel และ Hotel Isolation และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
– ยกระดับการเตรียมความพร้อมของศูนย์บริหารสถานการณ์ (EOC) ระดับพื้นที่ (กทม./จังหวัด) เพื่อให้ตอบสนองการแก้ไขปัญหาในทุกมิติได้อย่างรวดเร็ว
– เร่งกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงอย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2565 เกิดข้อผิดพลาดในการสื่อสารข่าวที่ระบุว่าผู้ที่ได้รับอนุมัติ Test and Go แล้วและจะเดินทางเข้ามาหลังวันที่ 15 ม.ค.2565 แต่ในความเป็นจริงทางศบค.จะดุูว่าตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 ม.ค.65 ผู้ที่อยู่ในระบบ Test and Go จะมีการติดเชื้อโควิด-19 มากแค่ไหนตามตัวได้หรือไม่ ซึ่งวันที่ 15 ม.ค.65 คาดว่าจะประเมินสถานการณ์ได้ชัดเจน ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนไว้แล้วยังสามารถเดินทางเข้ามาได้ตามเดิม