โควิดฉุดยอดทำศัลยกรรมเสริมความงามทั่วโลกลดฮวบ



  • ผลสำรวจพบปี 63 ยอดผ่าตัดเสริมความงามดิ่ง 10.9%
  • หลังคลีนิคปิดให้บริการ-คนขาดรายได้และกังวลติดเชื้อ
  • แต่ยอดเสริมสวยแบบไม่ผ่าตัดเพิ่มทั้งฉีดฟิลเลอร์-กำจัดขน

สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgery หรือISAPS) เปิดเผยถึงผลสำรวจด้านศัลยกรรมตกแต่งและเวชศาสตร์ความงามปี 63 ที่สำรวจจากสมาชิก และอุตสาหกรรมเครื่องสำอางทั่วโลก ว่า ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอย่างมาก

โดยปี 63 การผ่าตัดเสริมความงามของทั่วโลก ลดลง 10.9% เทียบกับปี 62 หรือมีการผ่าตัดเสริมความงามรวม10.129 ล้านครั้ง จากปี 62 ที่มี 11.363 ล้านครั้ง เพราะคลีนิคศัลยแพทย์ 77.8% ต้องปิดให้บริการชั่วคราวเพราะโควิด อย่างไรก็ตาม การเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการฉีดฟิลเลอร์และกำจัดขนยังคงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยเพิ่มขึ้น  5.7% ขณะที่ปี 62 เติบโตถึง 7.6% ขณะที่ภาพรวมการเสริมความงามทั้งแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด ลดลง1.8%

ดร.อาร์ตูโร รามิเรซ-มอนตาดา ประธานคณะกรรมการจัดทำแบบสำรวจของ ISAPS กล่าวว่า จากผลสำรวจ พบว่า ผู้ป่วยมีความต้องการเสริมความงามลดลง เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยและฐานะทางการเงินในช่วงโควิด-19 ระบาด แต่ขณะเดียวกัน ศัลยแพทย์ มากถึง 45% ที่มีลูกค้าเพิ่มขึ้น เพราะตัวลูกค้ามีความยืดหยุ่นในการรับบริการมากขึ้น มีโอกาสพักฟื้นตัวได้อย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น และมั่นใจว่า สถานการณ์ของปี 64 จะดีขึ้น

ทั้งนี้ จากผลสำรวจพบว่า การผ่าตัดเสริมความงามที่พบมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ เสริมหน้าอกคิดเป็นสัดส่วน 16% ของการผ่าตัดทั้งหมด หรือ 1.624 ล้านครั้ง ตามด้วย ดูดไขมัน 15.1% หรือ 1.525 ล้านครั้ง, ผ่าตัดเปลือกตา 12.1% หรือ 1.225 ล้านครั้ง, ผ่าตัดเสริมจมูก 8.4% หรือ 852,554 ครั้ง และทำหน้าท้อง 7.6% หรือ 765,248 ครั้ง

ส่วนการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด 5 อันดับแรก ได้แก่ ฉีดโบท็อกซ์ สัดส่วน 43.2% หรือ 6.213 ล้านครั้ง,  กรดไฮยาลูโรนิก 28.1% หือ 4.053 ลบ้านครั้ง, กำจัดขน 12.8% หรือ 1.837 ล่านครั้ง, ลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด 3.9% หรือ 560,464 ครั้ง และเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิว 3.6% หรือ 517,675 ครั้ง โดยลูกค้าส่วนใหญ่ หรือราว 85% เป็นผู้หญิง ส่วนการผ่าตัดเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ชายยังคงเป็นการศัลยกรรมเปลือกตา การดูดไขมัน การผ่าตัดลดขนาดเต้านม ศัลยกรรมจมูก และผ่าตัดแก้หูกาง

สำหรับประเทศที่มีการเสริมความงามมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐฯ ตามด้วยบราซิล เยอรมนี ญี่ปุ่น ตุรกีเม็กซิโก อาร์เจนตินา อิตาลี รัสเซีย และอินเดีย ส่วนไทยอยู่อันดับ 14 มีการผ่าตัดเสริมความงามรวม 102,407 ครั้งและแบบไม่ผ่าตัดรวม 52,140 ครั้ง โดยการผ่าตัดเสริมความงาม ที่คนไทยนิยมมากที่สุด คือ ใบหน้าและศรีษะ ตามด้วยหน้าอก ร่างกาย และอื่นๆ ส่วนเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด ที่นิยม คือ การฉีดสารต่างๆ เช่น แคลเซียม ไฮยาลูรอน ตามด้วยลบรอยเหี่ยวย่นบนใบหย้า และอื่นๆ

ขณะที่ประเทศที่ชาวต่างชาติ นิยมเดินทางไปใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ เม็กซิโก สัดส่วน 28.2% ตามด้วยตุรกี25.8% และโคลอมเบีย 21.8% ส่วนแชมป์เก่าอย่างไทยร่วงไปอยู่อันดับ 4 ที่  20.9%