“ชัชชาติ”ยินดีคนเก่ง ร่วมชิงผู้ว่ากทม. ชูนโยบายฟื้นเมือง



วันที่ 11 ธันวาคม 2564 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หนึ่งในว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ถ้าลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จะลงในนามอิสระ ซึ่งที่ผ่านได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อทำนโยบาย ตอนนี้รอว่าจะกำหนดวันเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่จะมีการเลือกตั้งในปี 2566 ตนก็ยังไม่รู้ว่าจะรอไหวหรือไม่ ส่วนทีมงานยังไม่มีการวางตัว แต่มีทีมที่ปรึกษามาช่วยทำข้อมูลมากกว่า เช่น ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ มาช่วย

“ส่วนเรื่องผู้สมัครเป็นเรื่องที่น่ายินดี มีคนเก่งๆมาเสนอตัว การจะมีตัวเลือกที่ดีได้ ต้องมีตัวเลือกมากๆ คุณสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ก็เป็นคนเก่ง ท่านผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากรก็มีผลงานที่ดี ท่านผู้ว่าฯอัศวินท่านก็รู้งานเพราะทำมานาน และก็รออีกหลายพรรคที่จะเปิดตัว ผมมองว่า เป็นเรื่องดี เป็นเรื่องความสวยงามของระบบประชาธิปไตย ที่มีตัวให้เลือก และแข่งขันกันที่นโยบาย”

สำหรับนโยบายเน้น 4 ด้าน ภายใต้สโลแกน เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ประกอบด้วย 1. People เรื่องคน เน้นระบบเส้นเลือดฝอยและคุณภาพชีวิต 2.Digital เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล ต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดขั้นตอน 3.Green เรื่องสิ่งแวดล้อม เน้นเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม ขยะ ควันพิษ ฝุ่น 4.Economy เรื่องเศรษฐกิจ เพราะเมืองอยู่ได้ด้วยเศรษฐกิจ ตอนนี้เศรษฐกิจมีปัญหาเมืองต้องมาช่วยดูแลเรื่องเศรษฐกิจของคนให้มากขึ้น พยายามสร้างโอกาสคน ลดขั้นตอน หนุนให้เศรษฐกิจฟื้นคืนมา

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องค่าเดินทางของประชาชนก็เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่บางทีกทม.ก็ทำไม่ได้ เช่น เรื่องของรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ค่าโดยสารยังคาราคาซังอยู่ ต้องเอาให้จบ ให้ประชาชนได้ประโยชน์ เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องการเดินทางต้องให้ประชาชนสะดวกขึ้น ในระยะยาวต้องอาจจะพิจารณาเพิ่มระบบฟีดเดอร์ กทม.อาจจะต้องทำเอง เช่น ขออนุญาตเดินรถเมล์เอง เสริมในส่วนที่ไม่มันไม่สะดวก ทำตั๋วร่วม ตั๋ว 1 ใบขึ้นรถเมล์ได้หลายครั้ง เพื่อให้ประชาชนสะดวก ซึ่งรถไฟฟ้าระบบเส้นเลือดใหญ่ รฟม.ทำอยู่แล้ว แต่เส้นเลือดฝอยที่เติมเต็มเป็นหน้าที่ของท้องถิ่นจะต้องมาดู

“กทม.กำกับดูแลรถไฟฟ้าบีทีเอส ปัญหาคือสัญญาที่ผูกพัน ต้องพยายามเจรจาบีทีเอสให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ถ้าดูตามต้นทุนแล้ว ผมว่าค่าโดยสารน่าจะไม่เกิน 35 บาท “