“อะโดบี อนาลิติค” เผยยอดใช้จ่ายออนไลน์ “วันแบล็คฟรายเดย์” ลดลงครั้งแรกตั้งแต่เก็บสถิติมา



  • ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 63
  • พบ 44.4% เป็นการสั่งซื้อผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10.6%
  • เผยผู้บริโภคมีการวางแผนใช้จ่ายมากขึ้น เลือกซื้อของขวัญตั้งแต่ช่วงต้นเทศกาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อะโดบี อนาลิติค ได้ติดตามและวิเคราะห์ยอดขายทางออนไลน์ เปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายทางออนไลน์ในวัน Black Friday (วันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า) ในปีนี้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 8.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 ถือเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกตั้งแต่ที่มีการเก็บสถิติมา

นอกจากนี้การใช้จ่ายออนไลน์ของผู้บริโภคในวัน Black Friday นั้น 44.4% เป็นการสั่งซื้อผ่านอุปกรณ์สมาร์ทโฟนซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 10.6%

ทั้งนี้อะโดบี ยังรายงานด้วยว่า ยอดขายที่ลดลงอาจเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากร้านค้าบางส่วนเริ่มเสนอส่วนลดและโปรโมชั่นต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.

นายวิเวก ปันด์ยา หัวหน้าทีมวิเคราะห์ของอะโดบี ได้ให้ความเห็นว่า ยอดขายวัน Black Friday ปรับตัวลดลงรายปีเป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีการวางแผนใช้จ่ายกันมากขึ้น โดยเลือกที่จะซื้อของขวัญต่างๆ ตั้งแต่ช่วงต้นเทศกาล และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในเรื่องช่วงเวลาในการใช้จ่าย เพื่อให้ได้สินค้าในราคาที่คุ้มค่าที่สุด

ทั้งนี้ถึงแม้ว่าการที่ผู้บริโภคบางส่วนซื้อสินค้าเร็วขึ้นอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ยอดขายวัน Black Friday ปรับตัวลดลง แต่ผู้เชี่ยวชาญก็มองว่า ปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกก็อาจเป็นอีกปัจจัยสำคัญเช่นกัน โดยรายงานของอะโดบีระบุว่า มีสินค้าหมดคลังมากขึ้นถึง 124% นับตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค. 2563 เป็นต้นมา ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อสินค้าที่ต้องการได้ยากขึ้น 

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุว่า สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ได้รับผลกระทบมากที่สุดซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์