ครม. เห็นชอบปรับปรุงโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs



  • พร้อมขยายระยะเวลานายจ้างลงทะเบียนรอบ 2 ตั้งแต่ 21 พ.ย. – 20 ธ.ค.นี้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 พ.ย.64 เห็นชอบให้มีการปรับปรุงโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs เพื่อให้การดำเนินโครงการ ฯบรรลุวัตถุประสงค์ รวมทั้งธุรกิจ SMEs สามารถดำเนินการได้ต่อเนื่อง รายละเอียดในการปรับปรุงโครงการ ดังนี้


1. เงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุน   

(1)  นายจ้างที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการต้องลงทะเบียนนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม  ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปโดยให้มีผลในงวดเงินสมทบเดือนพฤศจิกายน นี้เป็นต้นไป (นำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ภายในวันที่ 15 ธ.ค. 2564) 

2. วิธีดำเนินงาน  

(2) เพิ่มช่องทางการลงทะเบียน ทั้งผ่านเว็บไซต์ส่งเสริมการจ้างงาน เอสเอ็มอี.doe.go.th  และยื่นแบบฟอร์มพร้อมหลักฐาน ณ สำนักงานจัดหางานหรือหน่วยเคลื่อนที่ของสำนักงานจัดหางาน  เพื่อให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลลงในระบบแทนนายจ้าง

(3) ขยายระยะเวลาการลงทะเบียน โดยผู้ลงทะเบียนรอบที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.-20 ธ.ค. 2564 จะได้รับเงินอุดหนุนตามจำนวนการจ้างงานลูกจ้างสัญชาติไทย ไม่เกิน 200 คน ระยะเวลา 2 เดือน (ธ.ค. 2564 และ ม.ค. 2565)  

(4) ปรับปรุงรูปแบบการจ่ายเงินอุดหนุน หลังจากวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หากรัฐยังจ่ายเงินอุดหนุนยังไม่ครบถ้วนอีกให้สามารถจ่ายเงินเพิ่มเติมได้จนกว่าจะครบถ้วนตามสิทธิ์ที่นายจ้างพึงได้รับ

3. มาตรการทางภาษี

(5) เงินอุดหนุนที่รัฐจ่ายให้นายจ้างจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วแต่กรณี  โดยนายจ้างจะต้องไม่มานำเงินอุดหนุนดังกล่าวไปคำนวณเป็นรายได้และรายจ่ายในการหักภาษี 

ทั้งนี้ กรมสรรพากรยังได้รับมอบหมายให้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับมาตรการภาษี ต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ผลการดำเนินงานโครงการ ฯ  ตั้งแต่ 20 ต.ค.-10 พ.ย. นายจ้างเข้าร่วมโครงการจำนวน127,613 แห่ง คิดเป็น 32.34% ของเป้าหมายในจ้าง ลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวน 2,062,356 คน คิดเป็น 51.12% ของเป้าหมายลูกจ้างสัญชาติไทย  ทั้งนี้ นายจ้างที่ได้รับการอนุมัติแล้ว จำนวน 47,742 แห่ง คิดเป็น 37.41% ของนายจ้างที่ลงทะเบียน ที่เหลืออยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่อนุมัติเข้าร่วมโครงการ หรืออยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขข้อมูล

ทั้งนี้ ขอให้นายจ้างที่ประสงค์ จะเข้าร่วมโครงการฯ มั่นใจได้ว่า เงินอุดหนุนจากโครงการ ฯ นายจ้างจะไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น เพราะจะไม่ถูกคำนวนเป็นรายได้หรือรายจ่ายในการหักภาษี