ดาวโจนส์ร่วงกว่า 190 จุด นักลงทุนขายหุ้นทำกำไร หลังดัชนีนิวไฮต่อเนื่อง



.นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยง หลังดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐทำนิวไฮทั้ง 3 ตลาดในช่วงก่อนหน้า
.ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค.สะท้อนความกังวลเงินเฟ้อ
.ประธานเฟดระบุ เฟดจะประสิ่งบ่งชี้ในวงกว้าง ไม่ใช่แค่ตัวเลขสำคัญเพื่อประเมินการจ้างงานเต็มศักยภาพ

เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 36,236.49 จุด ลดลง
195.73 จุด หรือ -0.54% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 15,853.30 จุด ลดลง 129.06 จุด หรือ -0.81%ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,676.34 จุด ลดลง 25.36 จุด หรือ -0.54%

นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยง และทำกำไร หลังดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐทำนิวไฮมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดกังวลอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย.2553 หลังจากดีดตัวขึ้น 8.6% เช่นกันในเดือนก.ย.

ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2553

โดยตลาดติดตามแรงส่งของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการลดแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงิน และการคลังในระยะต่อไป

ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะพิจารณาสิ่งบ่งชี้ในวงกว้าง นอกเหนือจากการดูตัวเลขสำคัญเพื่อประเมินภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ดี นายพาวเวลไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินแต่อย่างใด หลังจากที่เฟดได้จัดการประชุมในสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และเฟดจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยสิ้นเชิงในช่วงกลางปี 2565

หุ้นของบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยหวังพลิกฟื้นธุรกิจของบริษัท โดยจะแยกกิจการออกเป็นบริษัท 3 แห่ง คือ ธุรกิจการบิน, พลังงาน และผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพ หลังจากที่บริษัทประสบปัญหาทางการเงินในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นายลอเรนซ์ คัลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GE กล่าวว่า การแยกกิจการดังกล่าวจะทำให้แต่ละบริษัทได้รับประโยชน์จากการทุ่มความสนใจในแต่ละธุรกิจ ซึ่งจะผลักดันการขยายตัวในระยะยาว และเพิ่มมูลค่าให้แก่ลูกค้า, นักลงทุน และพนักงานบริษัท

หุ้นของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 0.5% แม้บริษัทเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้สั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาโรคโควิด-19 เพิ่มเติมอีกจำนวน 1.4 ล้านคอร์ส วงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์