

- ผลสอบความรับผิดทางละเมิดเบื้องต้นออกแล้ว
- แก๊งทุจริตจ่ายชดเชยเสียหายกว่า 2 พันล้าบาท
- “พ.ต.อ.รุ่งโรจน์และพวก”รวมกันกว่า 400 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิด ที่มีนายวันชัย วราวิทย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาความเสียหายขององค์การคลังสินค้า และบุคคลที่จะต้องชดใช้ความเสียหายให้อคส. กรณีทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง 500 ล้านกล่อง มูลค่า 112,500 ล้านบาทนั้น ได้พิจารณาเสร็จแล้ว หลังจากเชิญผู้เกี่ยวข้อง และผู้ที่เข้าข่ายต้องชดใช้ความเสียหายทั้งหมด มาให้ถ้อยคำด้วยตนเอง และทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดมาให้แล้ว แต่กำลังปรับปรุงรายละเอียดอีกเล็กน้อย จากนั้นจะเสนอผลการสอบอย่างเป็นทางการให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการอคส.พิจารณา ก่อนเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางลละเมิด กระทรวงการคลัง พิจารณาต่อไป เพราะเป็นหน่วยงานที่ดูแลความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่รัฐ
สำหรับผลการพิจารณา พบว่า การทุจริตครั้งนี้ ทำให้อคส.เสียหายในเบื้องต้น 2,003.77 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเงินที่อคส.ได้โอนเป็นค่ามัดจำถุงมือยางให้กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาที่อคส.ว่าจ้างผลิตให้ โดยยังไม่รวมดอกเบี้ย และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจของอคส. และมีผู้ต้องชดใช้ความเสียหายรวม 7 คน คาดว่า เจ้าหน้าที่อคส.ทั้ง 3 ราย ได้แก่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ อดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส., นายเกียรติขจร แซ่ไต่ และนายมูรธาธร คำบุศย์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ 8 ที่ถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรงให้ไล่ออกไปแล้วนั้น ต้องชดใช้ความเสียหาย ด้วย คาดว่า รวมกันไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารสูงสุดในอคส.อีก 1 คน ที่ต้องชดใช้อีกกว่า 400 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดกระทรวงการคลัง พิจารณาแล้ว และเห็นชอบตามผลสอบนี้ จะส่งเรื่องกลับมาให้ผู้อำนวยการอคส. เพื่อดำเนินการให้ทั้ง 7 รายชดใช้ความเสียหายให้ หากทั้งหมดไม่ยินยอมชดใช้ให้ หรือไม่มีเงินจ่าย อคส.จะบังคับยึดทรัพย์ต่อไป
ส่วนการไล่ออกพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ นายเกียรติขจร และนายมูรธาธร หลังจากที่คณะกรรมการ (บอร์ด) ได้เห็นชอบให้ไล่ออก เพราะมีความผิดวินัยร้ายแรงนั้น ในส่วนของพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ นายเกรียงศักดิ์ ได้ทำหนังสือไปยังสำนักปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อให้ดำเนินการ เพราะพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ถูกคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ย้ายด่วนไปนั่งที่สำนักนายกฯ จึงต้องรอให้ปลัดสำนักนายกฯ เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนอีก 2 ราย นายเกรียงศักดิ์ ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออก โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 ราย ยังสามารถยื่นอุทธรณ์คำสั่งไล่ออกต่อประธานบอร์ดอคส.ได้ หากยื่นอุทธรณ์จริง บอร์ดอคส.จะแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคำอุทธรณ์ โดยต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน
ขณะที่การฟ้องร้องคดีอาญาผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตจัดซื้อถุงมือยางครั้งนี้ ล่าสุด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว ทั้งเจ้าหน้าที่ อคส. 3 คนที่ถูกไล่ออก เจ้าหน้าที่อื่นใน อคส. รวมถึงภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง คาดว่า จะสรุปสำนวนทั้งหมด และชี้มูลความผิดได้ในเร็วๆ นี้ จากนั้นจะส่งเรื่องให้อัยการดำเนินการฟ้องร้องต่อไป และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะดำเนินการทางแพ่ง โดยอาจยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อเอาเงินมาคืนให้ อคส.

พร้อมกันนั้น คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงอีก 1 ชุด ที่นายเกรียงศักดิ์ เพิ่งแต่งตั้งเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ อคส.ที่เข้าข่ายกระทำความผิดเพิ่มเติมในโครงการจัดซื้อถุงมือยางครั้งนี้ นอกเหนือจากทั้ง 3 คนที่ถูกไล่ออกไปแล้วนั้น ล่าสุด อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เมื่อเสร็จแล้ว หากพบผิดจริง จะนายเกรียงศักดิ์ จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเพื่อลงโทษทางวินัยด้วย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ อคส.อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในโครงการทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่อคส.ส่อใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริตจนทำให้อคส. และรัฐเสียหาย ซึ่งเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อป.ป.ช.ให้ดำเนินการตามกฎหมายกับพ.ต.อ.รุ่งโรจน์ และพวก ในฐานร่วมกันใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริต เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับภาคเอชน จนทำให้อคส.เสียหายกว่า 1,300 ล้านบาทแล้ว คาดว่า จะมีกรรีทุจริตอื่นๆ อีกที่เตรียมยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ดำเนินการตามกฎหมาย