

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงกรณีกระแสข่าว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ มีการครอบครองรถจำนวน 29 คัน ซึ่งมีรถยนต์ราคาแพง(รถหรู) รวมอยู่ด้วยว่า จากการตรวจสอบของกรมศุลกากรพบว่า ตั้งแต่ปี 54-63 พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เป็นเจ้าของสำนวนคดีนำจับรถหรูเพื่อนำส่งให้กับกรมศุลกากรทั้งสิ้น 368 คัน ซึ่งสามารถประมูลขายทอดตลาดไปแล้ว 363 คัน ยังเหลือค้างอยู่อีก 5 คันที่ขายไม่ได้
ส่วนกรณีการครอบครองรถ 29 คันของผกก.โจ้ ตามที่เป็นข่าว จากการตรวจสอบใบนำขนพบว่า มีการนำเข้าถูกต้อง 10 คัน ซึ่งมาจากการประมูลมา 3 คัน เช่น เบนซ์ ปอร์เช่ มินิคูเปอร์ เบนท์ลีย์ โฟล์ค จากทั้งหมด 29 คันตามที่เป็นข่าว ส่วนอีก 13 คันที่มีชื่อของผกก.โจ้ ครอบครองนั้น พบว่า มีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ 5 คัน และมาจากการประมูล 2 คัน ในปี 2555 และปี 2558 ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยสรุปรวมขณะนี้มีรถหรูที่เป็นชื่อผกก.โจ้ทั้งหมด 42 คัน
สำหรับรถยนต์ที่มีการจับกุมอยู่ในสำนวนของผกก. โจ้ และนำออกประมูลขายทอดตลาด 363 คันนั้น รวมเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท จากราคากลางประมาณ 516 ล้านบาท โดยตามกฎหมายเดิมของกรมศุลกากรก่อนปี 2560 จะมีการแบ่งเงินสินบนให้กับสายข่าวต่าง ๆ อัตรา 30% และแบ่งให้ 25% เป็นเงินรางวัลนำจับที่จัดสรรให้กับผู้นำจับ ซึ่งต้องนำไปหักกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีจนถึงสิ้นสุดรวมทั้งทีมนำจับก็ต้องจัดสรรแบ่งเฉลี่ยให้กับทีมนำจับและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ใช่จัดสรรให้กับเจ้าของสำนวนคดีคนเดียวทั้ง 25%
อย่างไรก็ตามกฎหมายใหม่ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ได้กำหนดให้เงินสินบน 20% และเงินรางวัลนำจับ 20% แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินคันละ 5 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าผกก.โจ้ ได้ให้เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องใช้สำนักงาน รวมถึงเงินต่างๆกับกรมศุลกากร นั้นขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
“กรมศุลอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหารถยนต์นำเข้าหนีภาษี ว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากกรมขนส่งทางบก จะไม่รับจดทะเบียนอีกแล้ว ดังนั้นต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการขายรถยนต์หนีภาษี ที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ เป็นลักษณะขายเป็นคันรถยนต์เหมือนเดิม หรือ ขายเป็นชิ้นอะไหล่รถยนต์”