

- แนะกรอกที่อยู่ให้ละเอียด
- จนท.เยี่ยมไว-ได้เงินเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ได้เปิดบริการยื่นขอรับเงินช่วยเหลือออนไลน์ หรืออีเซอร์วิส ให้ประชาชนที่รายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีพ ไม่มีงานทำ มีหนี้สิน หรือป่วยเป็นโรคร้ายแรง ตลอดจนเดือดร้อนในสถานการณ์โควิด-19 สามารถขอเงินอุดหนุนสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อครั้ง และไม่เกิน 3 ครั้งต่อปี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้ประชาชน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมากนั้น
วันที่ 10 สิงหาคม 2564 นายสุทธิ จันทรวงษ์ อธิบดีกรม พส. กล่าวว่า อยากย้ำว่าบริการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ พส.ได้ทำอยู่แล้ว เพียงแต่มาปรับรูปแบบการให้บริการ จากเดิมที่ประชาชนต้องวอร์คอินเข้ามาขอความช่วยเหลือกับหน่วยงาน พม. เป็นการให้บริการออนไลน์เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 ระบาด
ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่ายื่นคำขอมาแล้วจะได้ทุกคน เพราะจะมีการคัดกรองจากนักสังคมสงเคราะห์ พิจารณาให้เฉพาะผู้มีคุณสมบัติ ได้แก่ เป็นผู้ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ด้วยเหตุที่หัวหน้าครอบครัวเสียชีวิต ทอดทิ้ง สาบสูญ หรือต้องโทษจำคุก เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือพิการไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ประสบปัญหายากลำบากไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ และคนไร้ที่พึ่ง ช่วยเหลือเงินครอบครัวละไม่เกิน 3,000 บาท ซึ่งหลักเกณฑ์การช่วยเหลือขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของนักสังคมสงเคราะห์ หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย
สำหรับประชาชนสามารถดำเนินตาม 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1.กด “ยื่นคำขอรับบริการ” ในเว็บไซต์ http://www.dsdwservice.dsdw.go.th/Petitions/Petition 2.เจ้าหน้าที่โทรกลับ สอบถาม นัดวันลงเยี่ยมบ้าน 3.เจ้าหน้าที่ลงเยี่ยมบ้านตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงตามที่ประชาชนได้กรอกไว้ ตามหลักและกระบวนการสังคมสงเคราะห์ 4.หลังจากเยี่ยมบ้านและตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าคุณสมบัติเป็นไประเบียบกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ว่าด้วยการสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ. 2552 ก็จะโอนเงินให้ภายใน 5 วันทำการ ผ่านระบบ Krungthai Corporate Online

ขณะที่ นางสาวซาราห์ บินเย๊าะ รองอธิบดีกรม พส. กล่าวว่า ขณะนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในหมู่ประชาชน ว่าบริการดังกล่าวหากยื่นคำขอมาจะได้เงิน 3,000 บาททุกคน และยังได้ต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9,000 บาท พส.อยากปรับความเข้าใจว่าไม่ใช่อย่างนั้น บริการนี้ให้เฉพาะกลุ่มที่มีคุณสมบัติ และอาจได้ 2,000 บาท หรือ 3,000 บาทก็ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพความเดือดร้อน อย่างบางคนยื่นคำขอมาแล้วข้อมูลเบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายเป็นผู้มีคุณสมบัติ แต่ก็ต้องผ่านการตรวจสอบด้วยการลงพื้นที่เยี่ยมบ้าน มีการสอบถามพูดคุย และพิจารณาอีกครั้ง ก่อนนักสังคมสงเคราะห์จะแจ้งให้ทราบเลยว่ามีคุณสมบัติหรือไม่ เพราะอะไร และหากได้รับพิจารณา จะได้ 2,000 บาท หรือ 3,000 บาท เพราะอะไร
ทั้งนี้ เป็นบริการที่ใช้งบประมาณปกติ ไม่ได้ใช้งบกลางหรืองบพิเศษอะไร คาดว่าสามารถรองรับการช่วยเหลือประชาชนได้ 30,000 ครอบครัว ภายในปีงบประมาณ 2564
“การพิจารณาจริงๆ ดูกันหน้างาน ตั้งแต่สภาพความเดือดร้อน สภาพที่อยู่อาศัย ซึ่งต้องเป็นคนที่จนมากลำบากจริงถึงจะได้รับ ในส่วนที่เดือดร้อนแต่ยังพอทำมาหากินได้ รายได้ลดลง ก็อาจช่วยเหลืออย่างอื่น เช่น มอบถุงยังชีพ”
ส่วนคนที่ได้รับพิจารณาในครั้งที่ 1 แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะได้รับพิจารณาต่อเนื่องอีก 2 ครั้ง เพราะเป็นเงินบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ส่วนผู้ที่จะได้รับพิจารณาต่อเนื่อง 3 ครั้ง ยกตัวอย่างกรณี เช่น เป็นตายายอยู่ด้วยกันลำพัง 2 คน คนนึงป่วยติดเตียง อีกคนต้องดูแลกัน ไม่สามารถออกไปหารายได้ได้ กรณีแบบนี้ต้องช่วยต่อเนื่อง 3 ครั้ง เพราะไม่สามารถทำงานได้ อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ 29 จังหวัดสีแดงเข้ม พส.ได้ลดขั้นตอนการเบิกจ่ายให้ได้รับเงินภายใน 5 วันหลังจากพิจารณา ส่วนจังหวัดนอกเหนือจากนั้น ยังเบิกจ่ายตามระเบียบปกติคือ ต้องผ่านที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณา ซึ่งมีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) เป็นประธาน ซึ่งอาจล่าช้ากว่า
นางสาวซาราห์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากมีการประชาสัมพันธ์บริการออกไป มีประชาชนให้ความสนใจยื่นคำขอมาจำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบพบปัญหาว่า ประชาชนหลายคนกรอกข้อมูลมาไม่ครบ เช่น เบอร์โทรศัพท์ไม่ครบ กรอกที่อยู่ไม่ละเอียด ฯลฯ ดังนั้นขอให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนส่ง โดยเฉพาะที่อยู่ต้องกรอกละเอียดถึงตรอกซอกซอย จุดสังเกต เพื่อให้อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) และนักสังคมสงเคราะห์ลงพื้นที่ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วต่อไป