
วันที่ 1 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศบค.เห็นชอบยกระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการขยายล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค.64 จากเดิมล็อกดาวน์จะสิ้นสุด 2 ส.ค.2564 ก่อนจะประเมินผลอีกครั้งวันที่ 18 ส.ค.64 ว่าจะต่อมาตรการล็อกดาวน์ต่อถึงสิ้นเดือนหรือไม่
นอกจากนี้ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)จาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยเพิ่ม จ.กาญจนบุรี จ.ตาก จ.นครนายก จ.นครราชสีมา จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ปราจีนบุรี จ.เพชรบุรี จ.เพชรบูรณ์ จ.ระยอง จ.ราชบุรี จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.สมุทรสงคราม จ.สระบุรี จ.สุพรรณบุรี และจ.อ่างทอง
ขณะที่พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง ) ปรับลดจาก 53 เหลือ 37 จังหวัด ดังนี้ จ.กาฬสินธุ์ จ.กำแพงเพชร จ.ขอนแก่น จ.จันทบุรี จ.ชัยนาท จ.ชัยภูมิ จ.ชุมพร จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จ.ตรัง จ.ตราด จ.นครศรีธรรมราช จ.นครสวรรค์ จ.บุรีรัมย์ จ.พัทลุง จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก จ.มหาสารคาม จ.ยโสธร จ.ระนอง จ.ร้อยเอ็ด จ.ลำปาง จ.ลำพูน จ.เลย จ.ศรีษะเกษ จ.สกลนคร จ.สตูล จ.สระแก้ว จ.สุโขทัย จ.สุรินทร์ จ.หนองคาย จ.หนองบัวลำภู จ.อุตรดิตถ์ จ.อุทัยธานี จ.อุดรธานี จ.อุบลราชธานี และจ. อำนาจเจริญ
พื้นที่ควบคุม (สีส้ม ) จาก 10 จังหวัดเป็น 11 จังหวัด ดังนี้ จ.กระบี่ จ.นครพนม จ.น่าน จ.บึงกาฬ จ.พะเยา จ.พังงา จ.แพร่ จ.ภูเก็ต จ.มุกดาหาร จ.แม่ฮ่องสอน และจ.สุราษฎร์ธานี

นอกจากนี้ ศบค.ปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ตามระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อย โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามออกนอกเคหะสถานเวลา 21.00-04.00 น. งดให้บริการขนส่งข้ามเขตจังหวัด ให้ตั้งด่านสกัดระหว่างเขตจังหวัด (ตามาตรการที่ราชการกำหนด) ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 5 คน ห้ามบริโภคในร้าน ให้ขายแบบนำกลับไปบริโภคที่อื่น เปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน
ส่วนการขายอาหารในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าให้เปิดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มผ่านการให้บริการแบบเดลิเวอรี่ ส่วนร้านขายยา เวชภัณฑ์ ซูเปอร์มาเก็ต เปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. ให้ปิดร้านเสริมสวย ร้าน นวด สถานเสริมความงาม สถานที่เล่นกีฬา หรือแข่งขันกีฬา และห้ามใช้อาคารสถานที่ของสถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา เพื่อจัดการเรียนการสอนกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก












