สศค.เผย “ช้อปดีมีคืน”ควรใช้กระตุ้นหลังจบโควิด เหตุประชาชนกลัวโควิดไม่ออกมาใช้จ่าย



  • ยัน! ไม่เพิ่มเงิน “คนละครึ่ง” แน่นอน
  • เร่งเชื่อมระบบใช้ผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่ต.ค.นี้

วันที่ 29 ก.ค.2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะนำมาตรการช้อปดีมีคืน ทีเคยดำเนินการเมื่อปี 2563 กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่งว่า การจะนำมาตรการนี้กลับมาใช้ได้ ควรนำกลับมาใช้หนุนภาคบริโภค และกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวจากโควิดแล้ว

ทั้งนี้ถ้าดูจากยอดขอคืนภาษีเมื่อปี 2563 ที่ผ่าน พบว่ามีผู้เข้าร่วมมาตรการและขอคืนภาษีกับกรมสรรพากรประมาณ 900,000 กว่ารายเท่านั้น ซึ่งในครั้งนี้ต้องขอดูสถานการณ์ก่อน เพราะขณะนี้ประชาชนไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอยเนื่องจากกลัวการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่ยังรุนแรง

ส่วนการเพิ่มเงินในโครงการ “คนละครึ่ง” มากกว่า 3,000 บาทที่รัฐบาลกำหนดไว้นั้น ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการเพิ่มวงเงินแต่อย่างใด โดยล่าสุดได้เร่งหารือกับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่รายใหญ่ในไทย 5 แห่ง เช่น แกร็บ (Grab) โกเจ็ท (Gojek) เป็นต้น เพื่อเชื่อมโยงระบบต่างๆ ในการโอนเงินให้เกิดความโปร่งใสก่อนจะเริ่มให้ผู้มีสิทธิในโครงการคนละครึ่งใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่เหล่านี้

“เมื่อคุยเบื้องต้นกับฟู้ดเดลิเวอรี่ รวมทั้งเชื่อมโยงระบบคนละครึ่งที่ดูแลการรับโอนเงินเสร็จเรียบร้อย จะเรียกฟู้ดเดลิเวอรี่ทุกรายที่เข้าร่วมโครงการมาประชุมอีกครั้งเพื่อแจ้งรายละเอียดวิธีการดำเนินการและแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้มีความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน  ซึ่งทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก่อนเดือนต.ค.64 ซึ่งจะมีการโอนเงินครั้งที่สองของโครงการคนละครึ่ง จำนวน 1,500 บาท”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 (เฟส3) ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนแล้ว 29.45 ล้านคน เหลือสิทธิในโครงการจำนวน 1.55 ล้านรายเท่านั้น ซึ่งผู้ที่สนใจยังสามารถลงทะเบียนได้อยู่จนถึงสิ้นปี 2564 ซึ่งเป็นเวลาสิ้นสุดโครงการ อย่างไรก็ตามขณะนี้มีเม็ดเงินจากโครงการคนละครึ่งลงสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว 38,000 ล้านบาท และมีผู้ใช้จ่ายจริงอยู่ที่ 27 ล้านคน