ดาวโจนส์ปิดลบ 127 จุด เฟดเตือนเศรษฐกิจยังเสี่ยง



  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด-ไม่ลดQE
  • เฟดเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
  • นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยง-ทำกำไร ตามการเปิเผยผลประกอบการบริษัท

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 28 ก.ค.ที่ 34,930.93 จุด ลดลง 127.59 จุด หรือ -0.36% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,400.64 จุด ลดลง 0.82 จุด หรือ -0.02% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,762.58 จุด เพิ่มขึ้น 102.01 จุด หรือ +0.70%

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า เฟดยังคงอยู่ห่างไกลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ เฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน

ทั้งนี้ เฟดเตือนว่าแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเผชิญความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา

 นักลงทุนบางส่วนขายหุ้นออกมาเพื่อลดคววามเสี่ยงและทำกำไร  หลังมติเฟดเป็นไปตามคาด และรอดูสัญญาณการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินที่ชัดเจนมากขึ้นในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ แต่ผลประกอบการบริษัทที่ออกมาดีช่วยให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น

หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง 0.87% โดยหุ้นพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ร่วงลง 1.48% หุ้นเป๊ปซี่โค ปรับตัวลง 0.92% หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค ร่วงลง 1% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ลดลง 0.9%

หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.22% แมเบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.01 ดอลลาร์ เนื่องจาก แอปเปิลเตือนว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/2564 อาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา

หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.18% และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีแนสแด็กให้ปิดในแดนบวก หลังจากอัลฟาเบทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 27.26 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ 19.34 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่รายได้รวมจากการโฆษณาของกูเกิล เพิ่มขึ้น 69% เมื่อเทียบรายปี แตะ 5.044 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 4.17% หลังบริษัทสามารถทำกำไรเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี โดยได้อานิสงส์จากการส่งมอบเครื่องบินพาณิชย์จำนวนมาก ทั้งนี้ โบอิ้งมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 40 เซนต์ และมีรายได้ 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.654 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.3% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ที่ระดับ 1.07 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.97 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายวัคซีนต้านโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่ง 

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.18% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.67% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.58% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.69%

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 1 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะขยายตัว 8.5% ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2526 และพุ่งขึ้นจากระดับ 6.4% ในไตรมาส 1