“สมุทรสาคร”โควิดระบาดไม่หยุด ผู้ว่าฯ เล็ง “ปิดเมือง-ปิดโรงงาน”หาก 1 สัปดาห์ผู้ติดเชื้อไม่ลด



วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 รายงานข่าวจากสมุทรสาคร เปิดเผยสถานการณ์โควิด-19 วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เวลา 24.00 น. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 1,057 ราย แบ่งเป็น ผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุก 224 ราย ในโรงงานและเรือนจำ 6 ราย ภายในโรงพยาบาล 827 ราย แบ่งเป็นในจังหวัด 678 ราย และนอกจังหวัด 149 ราย เสียชีวิต 7 ราย เสียชีวิตสะสม 89 ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 40,452 ราย ขณะนี้มีผู้ป่วยอยู่ระหว่างรักษา 12,099 ราย รักษาหาย 10,967 ราย

ขณะที่ วานนี้ (23 ก.ค.) นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ณ ห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งการประชุมในครั้งนี้มีการถกประเด็นปัญหาที่สำคัญ คือ เรื่องของการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พบว่า ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเพิ่มขึ้นต่อวันอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมโรคนี้ คือ การหยุดความเคลื่อนไหว หรือเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเป็นเวลา 14 วัน และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคลที่จะต้องบังคับใช้อย่างเข้มข้นสูงสุด

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ในฐานะประธาน คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า จากการประชุมในวันนี้ได้มีข้อสรุปออกมา 3 เรื่องที่สำคัญๆ เกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ประกอบไปด้วย เรื่องของตลาดนัด,ปิดเมือง และการดำเนินการกับโรงงาน โดยในส่วนของ “ตลาดนัด” นั้น ก็มีการถกเถียงกันค่อนข้างมากแต่สรุปได้ว่า ให้เปิดขายได้เฉพาะอาหาร หรือเครื่องบริโภค และเครื่องอุปโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนเท่านั้น ซึ่งถ้าตลาดไหนไม่มีมาตรการเข้มงวดต่อการคัดกรองบุคคลหรือการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเอง หากพบก็จะต้องถูกดำเนินการพิจารณาสั่งปิดโดยเด็ดขาด

ขณะที่ประเด็น “การปิดเมือง” และการสั่งปิดการประกอบกิจการทั้งหมดนั้น ก็เป็นแนวความคิดที่มีการพูดในที่ประชุม แต่ยังไม่มีมติออกมาที่ชัดเจน เพราะว่าจะเกิดผลกระทบกับหลายฝ่าย แต่ทว่านับจากนี้ภายใน 1 สัปดาห์ ก็ต้องดูกันว่าตัวเลขหรือทิศทางจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ จึงอยากให้ทุกคนในจังหวัดสมุทรสาคร ช่วยกันปฏิบัติตนตามมาตรการบังคับอย่างเข้มงวด

โดยเฉพาะเรื่องของการเคลื่อนไหวที่น้อยลง ซึ่งถ้าตัวเลขยังคงสูงขึ้นและทุกคนยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติเห็นว่าตนเองสำคัญไม่ร่วมมือกันในการปฏิบัติตามมาตรการเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 แล้วนั้น ก็จะต้องนำไปสู่การพิจารณาปิดเมืองต่อไปในการประชุมครั้งหน้า

สุดท้ายคือเรื่องของ “โรงงานอุตสาหกรรม” ที่ทางจังหวัดพยายามส่งเสริมในการดำเนินการเป็นสถานประกอบการที่ดีมี FAI หรือ FQ หรือสถานที่กักตัวพนักงานของสถานประกอบการนั้นๆ นำไปสู่การบังคับโดยปริยายเลยว่า นับแต่วันนี้เป็นต้นไปภายใน 1 สัปดาห์ สถานประกอบการที่มีคนงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป จะต้องทำสถานที่กักตัวเตรียมไว้รองรับผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนพนักงานทั้งหมด หรือต้องให้เพียงพอต่อการรองรับการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19ภายในสถานประกอบการนั้น

ซึ่งสถานที่กักตัวนี้จะทำภายในหรือภายนอกโรงงานก็ได้ โดยให้เวลา 1 สัปดาห์นับจากนี้จะต้องแล้วเสร็จ หากสถานประกอบการใดไม่ดำเนินการจะต้องถูกสั่งปิดทันที หรือสถานประกอบการใดดำเนินการแล้ว แต่ไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มข้นก็จะต้องถูกสั่งปิดเช่นเดียวกัน

ส่วนที่ตอนนี้อาจจะมีบางคนถามว่า ทำไมไม่สั่งปิดโรงงานไปเลยทั้งๆ ที่คนในโรงงานมีการติดเชื้อเป็นจำนวนมากนั้น ก็เนื่องจากเห็นแก่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่จะตามมา จึงได้ให้เวลา 1 สัปดาห์แก่สถานประกอบการโรงงานต่างๆ ให้ได้จัดทำ FAI หรือ FQ ให้แล้วเสร็จ