โปรดเข้าใจ!ทางเราก็ไม่ไหว..บวท.ขอชี้แจงกรณี 7 สายการบินขอยกหนี้-ปีหน้าก็ต้องกู้เสริมสภาพคล่องเช่นกัน



บวท. ขอชี้แจงกรณี 7 สายการบิน เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือธุรกิจการบิน แจงลั่น!ทางเราก็หนักไม่แพ้กันโปรดเห็นใจช่วยไม่ได้จริงๆที่จะยกเว้นหนี้สิน หลังพบ ปริมาณเที่ยวบินในปี 64ลดลงจากปี 63 ถึง 56% ทำให้ปี 64มีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายกว่า 6,600 ล้านบาท และจากสถานการณ์การระบาดที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง บวท. คาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบไปถึงปี 65 ต้องกู็เงินเสริมสภาพคล่องเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ ผู้ประกอบการสายการบินภายในประเทศ 7 สายการบิน ได้รวมกันยื่นข้อเสนอและ ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลในการขอสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟต์โลน) พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งของ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.)ทั้งในเรื่องของ ยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการขึ้น-ลงอากาศยาน รวมถึงค่าจอด-ค่าปรับออกไปก่อน เพื่อให้สายการบินอยู่ได้ เพราะขณะนี้ประสบปัญหาเรื่องกระแสเงินสดอย่างมากนั้น

นายทินกร ชูวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บวท. กล่าวว่า จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต่อเนื่องมานับตั้งแต่ต้นปี 63 และมีแนวโน้มการระบาดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งทำให้ภาครัฐต้องดำเนินการเพื่อควบคุมการระบาดอย่างรัดกุม โดยได้ออกมาตรการในการเดินทางอย่างเข้มงวด ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารและปริมาณเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศลดลงเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการธุรกิจการบิน รวมถึงหน่วยงานด้านธุรกิจการบินในประเทศ ต่างประสบปัญหาภาวะวิกฤติทางการเงิน โดยที่ผ่านมา บวท. ได้ให้ความร่วมมือภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด -19 ตามมติคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) มาตลอด

ซึ่งมาตรการช่วยเหลือสายการบิน ประกอบด้วย 1.ตั้งแต่เดือนมีนาคม – กันยายน 63 บวท. ได้ยกเว้นค่าปรับจากการชำระล่าช้าของสายการบิน ผู้ถือหุ้นสำหรับค่าบริการควบคุมจราจรทางอากาศ และกลุ่มลูกค้าธุรกิจการบินสำหรับค่าเช่าและ ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์สื่อสาร ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 24 ล้านบาท 2. ตั้งแต่เดือนเมษายน – ธันวาคม 63 ได้ปรับลดค่าบริการการเดินอากาศลง 50% สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ และ 20% สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นเงินประมาณ 500 ล้านบาท

และ 3. ตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน 64 บวท. เรียกเก็บค่าบริการสำหรับเที่ยวบินทั้งในและต่างประเทศเต็มจำนวน โดยเรียกเก็บเพียง 50% ก่อน และขยายเวลาชำระหนี้ในส่วนที่เหลืออีก 50% ออกไปเป็นระยะเวลา 6 รอบบิล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของ บวท. ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ บวท. ได้ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบินอย่างเต็มกำลังความสามารถ ภายใต้สภาพคล่องที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยปัจจุบัน บวท. เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เนื่องจากรายได้หลักของ บวท. มาจากการให้บริการการเดินอากาศ เมื่อปริมาณเที่ยวบินลดลงอย่างต่อเนื่อง รายได้จึงลดลงเช่นกัน ทั้งนี้แม้ว่า บวท. จะมีมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายในองค์กร ที่ไม่กระทบต่อภาคความปลอดภัยในการให้บริการแล้วก็ตาม แต่รายได้ก็ยังคงไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

นายทินกร กล่าวต่อว่า จากสถิติการให้บริการจราจรทางอากาศเที่ยวบินพาณิชย์ ที่ทำการบินเข้า-ออก ผ่านน่านฟ้าไทย ตั้งแต่ ตุลาคม 63 – มิถุนายน 64 มีปริมาณเที่ยวบินลดลง 56 % และหากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวของปี 62 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ปริมาณเที่ยวบินลดลงสูงถึง 72% จากตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้รายได้ของ บวท. ลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ บวท. ได้คาดการณ์ปริมาณเที่ยวบินในปีงบประมาณ 64 (ตุลาคม 63 – กันยายน 64) ว่าจะมีปริมาณเที่ยวบินลดลงจากปี 63 ถึง 56% ทำให้ปี 64 บวท. จะมีรายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายกว่า 6,600 ล้านบาท และจากสถานการณ์การระบาดที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง บวท. คาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบไปถึงปี 65 ประกอบกับสายการบินมีการชำระหนี้เฉลี่ยเพียง 52% ของหนี้ที่ครบกำหนดชำระ จึงทำให้ ปัจจุบัน บวท. ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องเช่นกัน บวท. จึงไม่มีความสามารถให้ความช่วยเหลือสายการบินตามมาตรการช่วยเหลือต่อไปได้ โดย บวท. จำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ระยะสั้นเพิ่มเติม เพื่อเสริมสภาพคล่องในปี 64 – 65 ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด ตามกรอบแผนบริหารหนี้ที่ได้รับอนุมัติ

ทั้งนี้ ตามมติ กบร. ครั้งที่ 5/2564 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 64 ปัจจุบัน บวท.อยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องการขอรับเงินสนับสนุนรัฐวิสาหกิจ (Public Service Obligation: PSO) เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ในขณะเดียวกัน บวท. ยังคงดำเนินการตามมาตรการควบคุมค่าใช้จ่าย และรักษาวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้