
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขณะนี้สถาบันการเงินรัฐ 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือธ.ก.ส. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยหรือไอแบงก์ และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้รวบรวมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับใช้ปล่อยกู้ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิดรวมกว่า 435,000 ล้านบาท ให้วงเงินกู้ตั้งแต่หลัก 10,000 บาท จนถึงสูงสุด 200 ล้านบาท พร้อมเงื่อนไขผ่อนปรน
ประกอบด้วย สินเชื่อสำหรับลูกหนี้รายย่อย 103,000 ล้านบาท อาทิ ออมสินมีสินเชื่อสู้ภัยโควิด 13,419 ล้านบาท ต่ออายุสินเชื่อเสริมพลังฐานรากสำหรับผู้ประกอบการราย่อย 12,840 ล้านบาท ธ.ก.ส.มีสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ 30,000 ล้านบาท สินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน 60,000 ล้านบาท
ไอแบงก์ มีสินเชื่อเสริมสร้างธุรกิจรายย่อยมุสลิม 191 ล้านบาท นอกจากนี้ มีสินเชื่อภายใต้ พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 หรือพ.ร.ก.ซอฟท์โลน ของธนาคารแห่งประเทศไทยเหลืออีกกว่า 177,608 ล้านบาท
ส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอี ช่วยเหลือทั้งกลุ่มท่องเที่ยว การค้าและบริการ การเกษตร และภาคส่งออกวงเงินเหลือ 155,000 ล้านบาท และมีวงเงินค้ำประกันโดย บสย.อีก 89,000 ล้านบาท อาทิ ออมสิน มีสินเชื่อฟื้นฟูท่องเที่ยวไทยเหลือ 3,789 ล้านบาท ซอฟท์โลนสำหรับท่องเที่ยว 6,180 ล้านบาท สินเชื่ออิ่มใจ 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ ธพว.มีสินเชื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน 7,160 ล้านบาท สินเชื่อเอสเอ็มอีมีสุข เอสเอ็มอียิ้มได้ อย่างละ 5,000 ล้านบาท สมาร์ทเอสเอ็มอี 17,849 ล้านบาท
ส่วนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.มีสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย 40,215 ล้านบาท สินเชื่อเสริมแกร่งเอสเอ็มอีเกษตร 29,795 ล้านบาท
ส่วนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิมแบงก์ มีสินเชื่อเอ็กซิมจัมพ์สตาร์ท 5,000 ล้านบาท ซีแอลเอ็มวีอุ่นใจ 999 ล้านบาท ไอแบงก์มีสินเชื่อสมอล์ เอสเอ็มอี 259 ล้านบาท เป็นต้น










