

- ส่วน mRNA ป้องกันสายพันธุ์กลายพันธุ์ต่างๆ ได้ดีกว่า
- หลายประเทศเตรียมฉีดสูตรผสมซิโนแวกกับยี่ห้ออื่น
- แม้ซิโนแวกช่วยลดอาการป่วยรุนแรง-เสียชีวิตได้ก็ตาม
ผลการศึกษาวิจัยล่าสุดของฮ่องกง พบวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค สร้างภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า ซิโนแวกถึง 10 เท่า
บลูมเบิร์กรายงานว่า ผลงานวิจัยล่าสุดของฮ่องกง ที่ตีพิมพ์ในสารสาร “แลนเซ็ต” เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ระดับภูมิคุ้มกันของบุคลากรทางการแพทย์ในฮ่องกงที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 จากบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอนเทคครบโดส สูงกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนของซิโนแวกถึง 10 เท่า ซึ่งผลการศึกษานี้อาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจของหลายประเทศที่กำลังจะปรับสูตรการฉีดวัคซีนแบบผสมยี่ห้อ
นอกจากนี้ งานวิจัยครั้งนี้ยังระบุด้วยว่า วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ช่วยสร้างการป้องกันโรคโควิด-19 และเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์ต่างๆ ได้ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้วัคซีนที่พัฒนาโดยวิธีการดั้งเดิม อย่างวัคซีนเชื้อตาย
ทั้งนี้ อิสราเอล และสหรัฐฯ ใช้วัคซีนเทคโนโลยี mRNA จากไฟเซอร์-ไบโอเอนเทคเป็นหลัก เช่นเดียวกับวัคซีนของโมเดอร์นา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ลดการติดเชื้อลง ส่วนประเทศที่ใช้วัคซีนเชื้อตายจากจีนทั้งซิโนแวก และซิโนฟาร์ม ยังไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้มากนัก แม้ว่าวัคซีนทั้ง 2 ชนิด จะสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงและลดการเสียชีวิตได้ก็ตาม
ประสิทธิภาพของวัคซีนที่ต่ำกว่าที่คาด ของวัคซีนเชื้อตายส่งผลให้ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เตรียมฉีดวัคซีนเข็ม 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ที่กำลังระบาดอย่างหนักได้มากขึ้น
โดยผลงานวิจัยของฮ่องกงในครั้งนี้ ยังแนะนำด้วยว่า งานวิจัยในอนาคตควรจะต้องเร่งศึกษาว่าการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 จะสามารถช่วยกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันได้อย่างไร รวมถึงประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันคนที่รับวัคซีนเชื้อตายจนครบโดสแล้วด้วย