.นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนมิ.ย.
.ตลาดหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย -แนวโน้มการปรับลดวงเงินอัดฉีดเศรษฐกิจ
.ยอดผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนอง -รีไฟแนนซ์ลดลงต่อเนื่อง
เมื่อเวลา 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,522.24 จุด ลดลง 55.13 จุด หรือ -0.16% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 14,624.82 จุด ลดลง 38.82 จุด หรือ -0.26% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,337.02 จุด ลดลง 6.52 จุด หรือ -0.15%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของเฟด
ทั้งนี้ การประชุมเมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และระบุว่า เฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน อย่างไรก็ดี FOMC ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมถึง 1 ปี และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงสวนทางตลาด ตามการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ด้านเครื่องชี้การขยายตัวของเศรษฐกิจ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 1.8% ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งขึ้น และสต็อกบ้านที่ตึงตัว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง
จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว และลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว และลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 510,400 ดอลลาร์ ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.15% จากระดับ 3.20% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
