บอร์ดแข่งขันจับตาดีล CPN ซื้อหุ้น SF สัดส่วน 30.36%



  • ยันยังไม่ชัดเข้าข่ายมีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่
  • เบื้องต้นซื้อเกิน 25% ต้องแจ้งบอร์ดทราบผลรวมธุรกิจ
  • ชี้รวมธุรกิจเคสแรกของปีนี้และมูลค่าเกิน 1 พันล้าน

นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) หรือบอร์ดแข่งขัน เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท  เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ซื้อหุ้นของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าหลายแห่ง เช่น เมกาบางนา, เอสพลานาด ฯลฯ จากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR สัดส่วน 30.36% ว่า กขค.กำลังจับตากรณีนี้อยู่ว่าเข้าข่ายต้องแจ้งการควบรวมธุรกิจต่อกขค.เพื่อทราบ หรือต้องขออนุญาตการรมธุรกิจ ตามพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 หรือไม่  

ทั้งนี้ กขค.จะขอข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่า ทั้ง 2 บริษัทจัดตั้งธุรกิจประเภทใด รวมทั้งขอข้อมูลการซื้อหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย เพื่อประกอบการพิจารณาว่า การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ เข้าข่ายต้องแจ้งผลการวมธุรกิจเพื่อทราบ หรือเพื่อขออนุญาตการรวมธุรกิจ คาดว่า จะทราบผลเร็วๆ นี้ 

แต่ในเบื้องต้น การซื้อหุ้นสัดส่วน 30.36% ต้องแจ้งให้ กขค.ทราบ เพราะพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า กำหนดว่า การซื้อหุ้นเกิน 25% ต้องแจ้งให้ กขค.ทราบผลการรวมธุรกิจ ส่วนเมื่อรวมธุรกิจแล้ว จะกลายเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อมูลชัดเจน ทั้งเรื่องจำนวนหุ้น มูลค่าที่ซื้อ โครงสร้างธุรกิจ ซึ่งต้องรอให้กลุ่มเซ็นทรัลดำเนินการตามขั้นตอนทางธุรกิจให้เสร็จแล้วก่อน  

“เป็นเคสแรกของปีนี้ ที่ธุรกิจมีการซื้อหุ้นเกิน 25% คิดเป็นมูลค่าเกินพันล้านบาท ส่วนจะกลายเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือตลาดตามนิยามในพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าหรือไม่ จะต้องพิจารณาสัดส่วนหุ้น ทั้งของกลุ่มเซ็นทรัล และ SF ว่าคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจดังกล่าวมีสัดส่วนมูลค่าในตลาดเท่าไร  ซึ่งต้องพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ” 

นายสกนธ์ กล่าวต่อว่า ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา มีธุรกิจที่ขอควบรวมธุรกิจต่อ กขค.แล้วกว่า 60 ราย ส่วนใหญ่เป็นบริษัทต่างชาติที่ ขอควบรวมธุรกิจกับบริษัทไทย เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจค้าปลีก เป็นต้น และส่วนใหญ่เป็นการควบรวมธุรกิจที่ไม่ทำให้เกิดการผูกขาด หรือมีอำนาจเหนือตลาด จึงเป็นเพียงการแจ้งการควบรวมธุรกิจเท่านั้น แต่ในปี 63 มีกรณีของบริษัท ซีพี รีเทล ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ควบรวมธุรกิจกับบริษัทเทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด  ที่ถือเป็นการรวมธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในไทย ด้วยมูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท จึงต้องขออนุญาต กขค.ก่อน ส่วนในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.)  64 ภาคธุรกิจยื่นขอควบรวมธุรกิจแล้วกว่า 20 ราย