

- เพิ่มจากสัปดาห์ก่อน 11 ประเทศระบาดหนักในแอฟริกา
- อัตราติดเชื้อสูงกว่าสายพันธุ์”อัลฟา”จากอังกฤษ 55%
- คาดเป็นสายพันธุ์หลักระบาดทั่วโลกในเร็วๆ นี้แน่นอน
องค์การอนามัยโลก พบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ “เดลตา” ที่พบครั้งแรกในอินดีย ระบาดใน 96 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 11 ประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานความคืบหน้าด้านการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า ขณะนี้ เชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา ซึ่งถูกเรียกว่าเป็น “ชนิดกลายพันธุ์คู่” เนื่องจากประกอบด้วยการกลายพันธุ์ 2 ชนิดนั้น มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าสายพันธุ์อัลฟา ซึ่งพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร มากถึง 55% และสามารถกลายเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ในทวีปแอฟริกาพบการระบาดครั้งใหม่ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ขณะที่ตูนิเซีย โมแซมบิก ยูกันดา ไนจีเรีย และมาลาวี ก็เป็นส่วนหนึ่งใน 11 ประเทศที่พบการระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าว ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตในแอฟริกาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา พบครั้งแรกเมื่อเดือนต.ค.63 โดยเกิดการกลายพันธุ์ในส่วนหนามหลายครั้ง ทำให้อัตราการแพร่เชื้อและความทนทานต่อแอนดติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ของไวรัส เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังอาตต่อต้านวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้มากขึ้นด้วย
ขณะที่ผลการศึกษาล่าสุดของสกอตแลนด์ ที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ “แลนเซ็ต” (Lancet) พบว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา มีอัตราเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงกว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อัลฟาถึง 85%
ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหาร โครงการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ องค์การอนามัยโลก กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า เชื้อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว และแข็งแกร่ง สามารถโจมตีกลุ่มผู้ที่เปราะบางได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น