
- ลดอัตราการสูญเสียจากงานก่อสร้างได้ไม่น้อยกว่า 10%
- เพิ่มประสิทธิภาพในการก่อสร้าง
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาด้านการออกแบบ ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นถึงการพัฒนาระบบการก่อสร้างโดยการนำนวัตกรรมการออกแบบที่เรียกว่า Building Information Modeling หรือ BIM เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนากระบวนการออกแบบ บริหารจัดการต้นทุน การก่อสร้าง รวมไปถึงการบริหารจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้จากการประเมินของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระบุมูลค่าการก่อสร้างในประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 1-1.2 ล้านล้านบาทต่อปี โดยแบ่งเป็น การก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยคิดเป็น 50% ของมูลค่าการก่อสร้างรวม 30% เป็นการก่อสร้างอาคารโครงการรัฐ และ 20% เป็นการก่อสร้างอาคารอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ในขณะที่งานก่อสร้างโดยเฉลี่ยจะมีอัตราการสูญเสียจากกระบวนการก่อสร้าง ทั้งจากการออกแบบและกระบวน การทำงาน อาทิการตัดกระเบื้อง การตัดท่อ และระบบการก่อสร้างต่างๆ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15% หรือมีอัตราการสูญเสียจากกระบวนการก่อสร้างประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาท ต่อปี

“มูลค่าความสูญเสียที่เกิดจากกระบวนการก่อสร้างถือเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจ ในขณะที่การนำระบบการบริหารจัดการการออกแบบ การก่อสร้าง และการบริหารจัดการอาคาร โดยการนำระบบ BIM มาใช้โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการบริหารจัดการอาคาร จะช่วยให้ลดอัตราการสูญเสียที่เกิดขึ้น ช่วยให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ลดต้นทุนในการก่อสร้าง ในขณะเดียวกันยังทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเพื่อผู้บริโภค” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญในการพัฒนางาน BIM ที่สำคัญประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลักคือ การพัฒนากระบวนการ (Process) การพัฒนาเทคโนโลยี (Technology) และ การพัฒนาบุคลากร (People) ปัญหาในการพัฒนางาน BIM ในปัจจุบันคือการขาดแคลนบุคคลากรที่มีความเข้าใจกระบวนการทำงานของ BIM ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการก่อสร้างและการบริหารอาคาร เนื่องจากบุคลากรที่จะมีทักษะในการพัฒนางานด้าน BIM จำเป็นต้อง มี 3 ทักษะที่สำคัญคือ ทักษะในด้านเทคโนโลยี่ (BIM Technical Skill) ทักษะด้านบริหารจัดการสำหรับโครงการและองค์กร(BIM Management Skill) และทักษะในการพัฒนาองค์ความรู้ด้าน BIM (BIM Development Skill)
นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า การพัฒนาบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน BIM จำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจ(Passion) ในการทำงาน โดยองค์กรควรจะมีการกำหนดนโยบายในการทำงานด้าน BIM (BIM Policy) ขององค์กรอย่างชัดเจนรวมไปถึงการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน (BIM Direction) ที่ชัดเจน รวมไปถึงการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจในงาน BIM และเพิ่มทักษะในการทำงานด้านนี้ให้กับบุคคลากร เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนางาน BIM ในองค์กรประสบความสำเร็จ และมีส่วนช่วยในการบริหารจัดการ ลดต้นทุนในการก่อสร้างและบริหารจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยปัจจุบันหลายประเทศในเอเซีย ได้มีการนำ BIM มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ในขณะที่ในประเทศไทย การใช้งาน BIM ยังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่สามารถนำ BIM มาใช้ในการพัฒนาโครงการเพราะเกิดการประหยัดจากขนาด(Economy of Scale) เนื่องจากการนำ BIM มาใช้ในงานออกแบบและงานก่อสร้างมีต้นทุนในการดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายจากการนำระบบ BIM มาใช้ในการออกแบบคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 5% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งถูกกว่าต้นทุนที่ประหยัดได้จากการออกแบบและการก่อสร้างโดยใช้ระบบ BIM แล้วที่สามารถลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการสูญเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการก่อสร้างได้ประมาณ 10-15%
“ถ้าเราให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในงาน BIM จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการก่อสร้าง มีส่วนสำคัญในการพัฒนางานก่อสร้างของประเทศในอนาคต” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว










