ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนาม แฮมป์เด้น ปาร์ค ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบ 16 ทีม คืนวันที่ 29 มิ.ย.64 ระหว่างทีมชาติ “สวีเดน” พบกับทีมชาติ “ยูเครน” เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาแรก สวีเดน ทำได้ดีกว่า ครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว ยูเครนทำได้แค่ตั้งโซนรับ ยังไม่มีโอกาสลุ้นทำประตูจะแจ้งจากทั้งสองทีม จากนั้นหลังผ่าน 10 นาทีแรก เกมของยูเครนยกระดับขึ้นมา ได้บุกมากขึ้น จังหวะนี้ ยาร์โมเลนโก้ จ่ายตั้งให้ยาเรมชุคซัดในกรอบไม่กี่หลา แต่โอลเซ่น ซูเปอร์เซฟปัดบอลทิ้งออกไปได้ กระทั่ง นาทีที่ 27 ยูเครน ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากความยอดเยี่ยมของยาร์โมเลนโก้ อีกครั้ง ครอสบอลด้วยข้างเท้าด้านนอก เลยไปถึงเสาไกล ซินเชนโก้ ยิงเข้าประตูไป แต่ในนาทีที่ 43 สวีเดน ตีเสมอ 1-1 โดย ฟอร์สเบิร์ก ยิงไกล 20 หลา บอลแฉลบแนวรับเข้าประตูไป
เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง ในนาทีที่ 56 ฟอร์สเบิร์ก ปั่นบอลทางซ้ายลูกโค้งชนโคนเสาไม่ได้ประตูขึ้นนำ ในนาทีที่ 60 ยูเครน แก้เกมส่งตัวทีเด็ดส่ง มาลินอฟสกี้ ลงสนามปั้นเกมรุก ในนาทีที่ 66 สวีเดนกดดันหนักมาก จังหวะนี้ คูลูเซฟสกี้ พาบอลจากขวาตัดเข้าในก่อนซัดด้วยซ้ายเดือดร้อนบุชชานต้องโชว์ซูเปอร์เซฟอีกครั้ง ครบ 90 นาที 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในนาทีที่ 99 สวีเดน เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน จากจังหวะที่ ดาเนี่ยลส์สัน รับใบแดงถูกไล่ออกจากสนามหลังไปเปิดปุ่มใส่หัวเข่าเบเซดิน ตัวสำรองที่เพิ่งลงสนามไปไม่นาน กระทั่งในนาทีที่ 120+1 ดอฟบีค มารับบทฮีโร่ โขกลูกครอสจากซ้ายทำประตูชัยให้ทีมสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ
