ส่อพิรุธ…“ศรีสุวรรณ” รุกยื่นหนังสือร้อง “บิ๊กตู่” ใช้ ม.11 สอบประมูลรถไฟทางคู่สายใหม่ ‘เหนือ-อีสาน’



วันนี้ (21 มิ.ย.64) เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และนายพลภาขุน เศรษฐบดี แกนนำคณะราษฎรไทยแห่งชาติ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพื่อขอให้ตั้งกรรมการสอบการประมูลรถไฟทางคู่สายใหม่ที่ส่อพิรุธ

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ทำการเปิดประมูลก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเหนือ ช่วงเด่นชัย-เชียงของ 323 กม. มูลค่าก่อสร้าง 72,921 ล้านบาท และสายอีสาน ช่วงบ้านไผ่-นครพนม 355 กม. มูลค่าก่อสร้าง54,684.40 ล้านบาท เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากว่า โดยผู้ชนะการประมูลสายเหนือเสนอต่ำกว่าราคากลางเพียง61 ล้านบาท จากราคากลาง 72,918 ล้านบาท ส่วนสายอีสานเสนอต่ำกว่าราคากลางเพียง 46 ล้านบาท จากราคากลาง55,456 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งส่อเค้าว่าจะมีการล็อกสเปกโดยการเขียนข้อกำหนดของผู้ว่าจ้างหรือทีโออาร์ ให้ผู้รับเหมา5 กลุ่มได้แบ่งเค้กกัน ด้วยการกีดกันไม่ให้ผู้รับเหมาขนาดกลางเข้ามาแข่งขันราคาได้ ทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณไปกว่า 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ว่า ในรัฐบาลผมต้องไม่มีการคอรัปชัน ดังนั้นสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมายื่นต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าว โดยร้องขอให้ใช้อำนาจตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 ม.11 (1) คือ แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีการเขียนข้อกำหนดของผู้ว่าจ้างหรือทีโออาร์ และดำเนินการจัดประมูลโครงการรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่ สายเหนือ และสายอีสาน ทำให้รัฐเสียประโยชน์เมื่อเทียบกับการจัดประมูลทางรถไฟสายใต้ช่วงนครปฐม-ชุมพร เป็นการส่อไปในทางขัดต่อพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 ประกอบ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ 2542 หรือไม่ อย่างไร

นอกจากนั้น ยังขอให้สั่งการไปยังกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ รฟท. ระงับการลงนามในสัญญาว่าจ้างบริษัทที่รฟท.ประกาศให้เป็นผู้ชนะการประมูลเสีย และยกเลิกการประกวดราคาดังกล่าวเสีย โดยอาศัยข้อกำหนดของผู้ว่าจ้างหรือทีโออาร์(TOR) ในข้อ 6.6 และข้อ 6.7 ที่กำหนดไว้ว่า ก่อนลงนามในสัญญา การรถไฟแห่งประเทศไทย อาจประกาศยกเลิกการประกวดราคา อิเล็กทรอนิกส์ หากปรากฏว่ามีการกระทำที่เข้าลักษณะผู้ยื่นข้อเสนอที่ชนะการประกวดราคาหรือที่ได้รับการคัดเลือกมีผลประโยชน์ร่วมกัน หรือมีส่วนได้เสียกับผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่น หรือขัดขวางการแข่งขันอย่างเป็นธรรม หรือสมยอมกันกับผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่น หรือเจ้าหน้าที่ในการเสนอราคา หรือส่อว่ากระทำการทุจริตอื่นใดในการเสนอราคา ซึ่ง รฟท. สามารถประกาศยกเลิกผลการประกวดราคา  เพื่อประโยชน์ทางราชการได้ ซึ่งหากทำได้ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่านายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจังต่อการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นอย่างแท้จริง