

- ช่วง 4 เดือนแรกปีนี้จดทะเบียนตั้งใหม่ 535 ราย เพิ่ม 24.42%
- ต่างชาติหอบเงินร่วมลงทุนกว่า 2.4 หมื่นล้านอเมริกันนำโด่ง
- แนะคนต้องการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ศึกษากฎระเบียบของรัฐให้ดี
นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้วิเคราะห์ธุรกิจดาวเด่นเดือนเม.ย.64 พบว่า ธุรกิจขายปลีก-ส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และทางการแพทย์ มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปีนี้ มีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ 535 ราย เพิ่มขึ้น 24.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 ตามความต้องการยาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีทุนจดทะเบียน 937.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.91% ขณะเดียวกัน มีต่างชาติลงทุนในนิติบุคคลไทยในธุรกิจดังกล่าวด้วยรวม 24,392.49 ล้านบาท เพิ่ม 17.49% ประเทศที่ลงทุนมากสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐฯ ลงทุน 8,230.76 ล้าบาท ตามด้วย ดัช 2,661.30 ล้านบาท และสิงคโปร์ 1,881.25 ล้านบาท

ทั้งนี้ ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนเม.ย.64 มีธุรกิจดังกล่าวมีดำเนินกิจการในไทยทั้งสิ้น 10,386 ราย คิดเป็น 1.31% ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินกิจการอยู่ และมีมูลค่าการลงทุน 82,286.84 ล้านบาท คิดเป็น 0.42% ของเงินลงทุนทั้งหมดของกิจการที่ดำเนินการอยู่ในไทย โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และภาคกลาง ที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก ทำให้เกิดความต้องการสินค้าจำนวนมาก อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการขนส่งคมนาคมที่มีความหลากหลายทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้เป็นอย่างดี
โดยเมื่อพิจารณาจากรายได้ และผลกำไรของกลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่ปี 60 – 62 พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 60 มีรายได้รวม 549,836 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17,114.45 ล้านบาท, ปี 61 รายได้ 558,494 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 18,799.66 ล้านบาท และปี 62 รายได้ 599,347 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19,141.72 ล้านบาท ส่วนปี 63 อยู่ระหว่างการวิเคราะห์และประมวลผล
เมื่อแยกตามขนาดของธุรกิจ พบว่า ในปี 62 ธุรกิจขนาดเล็ก มีกำไรถึง 9,907.66 ล้านบาท หรือสัดส่วน 51.76% ของกำไรจากทุกขนาดธุรกิจ ธุรกิจขนาดกลาง มีกำไร 2,056 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจขนาดใหญ่ มีกำไร 7,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 61 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ ที่มีมากกว่าธุรกิจขนาดกลาง ดังนั้น หากขนาดกลางสามารถสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ บริหารจัดการธุรกิจและค่าใช้จ่ายที่ดี เพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า รวมทั้ง ขยายผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ก็จะเพิ่มรายได้ และส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากขึ้น
“ผู้ประกอบการที่กำลังจะเข้าสู่ธุรกิจนี้ ควรคำนึงถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของภาครัฐ เช่น การตั้งราคา การเปลี่ยนแปลงราคา การส่งออกยารักษาโรคและสินค้าทางเวชภัณฑ์ เพื่อเป็นการดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องและมีธรรมาภิบาล”