รัสเซียจ่อตัดสิทธิจีเอสพีสินค้าไทยเดือนต.ค.นี้



  • หลังพบไม่เข้าเกณฑ์เหตุคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น
  • ทำสินค้าไทยต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ
  • พาณิชย์ยันไม่กระทบส่งออกมากนักเหตุใช้สิทธิน้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 5 มี.ค.64 คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย ประกอบด้วยสมาชิก 5 ประเทศ คือ รัสเซีย อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน และคีร์กีซสถาน ได้มีมติทบทวน และเพิกถอนประเทศไทยออกจากบัญชีรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.64 เป็นต้นไป เพราะไทยไม่เข้าเกณฑ์การได้รับสิทธิ์ เนื่องจากปัจจุบัน ธนาคารโลก ได้จัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบน จากเกณฑ์ที่กำหนดคือ ประเทศที่จะได้รับจีเอสพี ต้องไม่เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับบน หรือกลุ่มรายได้สูง ตามการจัดอันดับของธนาคารโลก

โดยมติดังกล่าว ทำให้นับตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.64 เป็นต้นไป ไทยจะไม่ได้รับสิทธิจีเอสพีจาก ยูเรเซียอีกต่อไป และหากจะส่งออกสินค้าไปยังยูเรเซีย จะต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ (เอ็มเอฟเอ็น) จากในช่วงที่ได้รับจีเอสพี สินค้าที่ส่งออกจากไทยเสียภาษีนำเข้าต่ำเพียง 75% ของอัตราภาษีปกติ ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าไทยสูงขึ้น และเสียบเปรียบประเทศคู่แข่ง ที่ไม่ถูกตัดสิทธิ 

อย่างไรก็ตาม แม้ในแต่ละปี ไทยใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกสินค้าไปยูเรเซีย คิดเป็นมูลค่าไม่มากนัก แต่การถูกตัดสิทธิ จะมีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยแข่งขันด้านราคาได้ยากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ที่ยังคงได้รับสิทธิ โดยเฉพาะคู่แข่งบางประเทศในอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ ที่ไม่ถูกตัดสิทธิ และเวียดนาม ที่จะได้เปรียบมากยิ่งขึ้น เพราะสินค้าเวียดนาม ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้ายูเรเซีย จากการที่เวียดนามมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับยูเรเซีย  และมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 59 อีกทั้ง คาดว่า สินค้าเวียดนาม จะครองส่วนแบ่งตลาดยูเรเซียเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนประเทศที่ถูกตัดสิทธิเช่นเดียวกับไทย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ฮ่องกง เป็นต้น 

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้ยูเรเซีย ตัดสิทธิจีเอสพีประเทศไทย แต่ไทยยังสามารถส่งออกสินค้าไปยูเรเซียได้อยู่ เพียงแต่ต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ จากการที่ได้รับสิทธิ เสียภาษีในอัตราต่ำ และน่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยูเรเซียมากนัก เพราะแต่ละปี ไทยส่งออกไปยูเรเซียคิดเป็นไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม กรมจะหารือกับผู้ส่งออกไทย ในการเตรียมความพร้อมรองรับการถูกตัดสิทธิ หาแนวทางลดผลกระทบ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าไทย