

- ยันวัคซีนแอสตร้าฯ ส่งมอบทันในเดือนมิ.ย.
- ชี้อย่าไปกดดันกรมควบคุมโรค
วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อจ่าวรายงานว่า กรณีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณะสุข จะเริ่มฉีดให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนผ่าน หมอพร้อม วันที่ 7 มิ.ย.นี้ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยว่า มีการหารือร่วมกับทางบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าอยู่ตลอด ซึ่งทางแอสตร้าฯยืนยันว่าจะส่งมอบวัคซีนให้ทันภายในเดือนมิถุนายน ตามกำหนด
นอกจากนี้ ยังได้แจ้งกับทางแอสตร้าฯถึงกรณีที่ประชาชนมีข้อสงสัย โดยระบุว่าแอสตร้าฯจะต้องออกมาพูด เพราะทาง สธ.ไม่สามารถพูดให้ได้ เนื่องจากแอสตร้าฯเป็นผู้ผลิต ขณะที่ สธ.เป็นผู้ซื้อ
ทั้งนี้บริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทย ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อการลงทุน (Term Sheet) มาแล้ว และทาง สธ.ได้ส่งร่างสัญญาไปที่อัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาว่าจะรับเงื่อนไขได้หรือไม่ ตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดหา
“เนื่องจากครั้งนี้ไม่เหมือนกับกระบวนการทั่วไป เพราะเป็นการระบุว่าจะซื้อยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง เป็นวัคซีนที่นำมาใช้ในสถานการณ์โควิด-19 เงื่อนไขต่าง ๆ ก็อาจจะไม่เหมือนแบบฟอร์มทั่วไป เราก็ต้องส่งให้กับอัยการลงความเห็น โดยกรมควบคุมโรคมีเวลา 14 วันในการลงนามใน Term Sheet”
อย่างไรก็ตามหลังจากลงนามแล้วทางไฟเซอร์จะยื่นเอกสารมาขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศไทย จากนั้นอีก 30 วัน ต้องมาเจรจาสัญญาจัดซื้อจัดหา (Definitive sub pay agreement : DSA) ซึ่งหลังจากที่ลงนามฉบับนี้จะทำให้ทราบว่าจะมีการจัดส่งวัคซีนเป็นจำนวนเท่าไรในแต่ละเดือน อย่างไรก็ตาม จะอยู่ในช่วงนี้ไปจนถึงครึ่งปี จำนวน 20 ล้านโดส
ส่วนวัคซีนซิโนฟาร์มที่บริษัทไบโอเจเนเทคได้ยื่นเอกสารขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาครบแล้ว คาดว่าในวันที่ 28 พฤษภาคม ทางคณะกรรมการของ อย. จะประชุมหารือกันเพื่อพิจารณาขึ้นทะเบียน
“เราไม่ได้ขี่ม้าตัวเดียว มีปัญหาตรงไหนก็จะมีแผน 1 แผน 2 คอยบริหารจัดการ ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรก็ต้องไปตามผู้ปฏิบัติคือกรมควบคุมโรค อย่าไปกดดันเขา เขายังไม่ได้บอกมาสักคำว่าจะมีการเลื่อนฉีดวัคซีน ใครพูดก็ไม่รู้ เขียนหรือสรุปอะไรไปก็ไม่ใช่กรมควบคุมโรค คนสรุปไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้สรุป”
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า วัคซีนที่มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้วมี 4 ยี่ห้อ หากมีเอกชนรายใดไปเจรจาซื้อมาได้ก็สามารถนำเข้ามาได้ ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน และความต้องการของผู้ประกอบการ ตนจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงมีคนกล่าวว่า กีดกันหรือไม่สนับสนุนนโยบายวัคซีน