

- ลงทะเบียนคนละครึ่งแล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
- “คนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้” ประชาชนเลือกรับสิทธิได้โครงการเดียว
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิดเดือนเม.ย.2564 คลี่คลาย จำนวน 4 มาตรการ จะเริ่มเดือนก.ค. – ธ.ค. 2564 ได้แก่ โครงการ “คนละครึ่ง เฟส3” โดยกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 31 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้ที่เคยได้สิทธิ์ ในโครงการคนละครึ่งเฟส 1 และ เฟส 2 แล้ว จำนวน 15 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยรับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งนั้น กระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มอีก 16 ล้านสิทธิ์ ซึ่งวันที่จะเปิดให้ลงทะเบียนจะมีความชัดเจนเร็วๆนี้ สำหรับรูปแบบการใช้จ่ายจะเป็นแบบโคเพย์(Co-pay) โดยรัฐบาลจะโอนเงินเข้าแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ให้วันละ 150 บาททุกวันจนครบ 3,000 บาท
ขณะที่โครงการ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” กลุ่มเป้าหมายจำนวน 13.65 ล้านคน และ โครงการ “เพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ” กลุ่มเป้าหมายจำนวน 2.5 ล้านคน รัฐบาลจะโอนเงินเพิ่มให้เดือนละ 200 บาท เป็นเวลา 6 เดือน และโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” กลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านคน เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง โดยรัฐบาลสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Voucher) ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวันสูงสุด 7,000 บาทต่อคน
“4 มาตรการนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการเริ่มหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เพื่อให้ทุกคนออกมาใช้จ่ายได้ คาดว่าจะเริ่มมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบช่วงเดือนก.ค.-ธ.ค.2654 ซึ่งใน 4 มาตรการนี้ประชาชนจะเลือกได้เพียง 1 คนต่อ 1 โครงการเท่านั้น โดยผู้ที่ลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 3 จะไม่สามารถใช้สิทธิโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ต้องเลือกมาตรการใดมาตรการหนึ่ง”
นางสาวกุลยา กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการเยียวยาเร่งด่วน ได้แก่ โครงการ “เราชนะ” กลุ่มเป้าหมาย 32.9 ล้านคน และ โครงการ “ม.33 เรารักกัน” กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 9.29 ล้านคน ที่รัฐบาลจะเพิ่มวงเงินให้อีกคนละ 2,000 บาทนั้น กระทรวงการคลังจะเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมในที่ประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.) สัปดาห์หน้า เพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้ภายในเดือนพ.ค.นี้ และใช้จ่ายได้จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.2564
“สำหรับมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกเดือนเม.ย.นี้ ถือเป็นการช่วยเหลือได้ครอบคลุมประชากรมากที่สุดถึง 51 ล้านคน โดยใช้งบประมาณรวมกว่า 245,880 ล้านบาท ”
