

- “สุพันธ์-สนั่น”ขอบคุณ”นายกฯ-อนุทิน”ที่ใจกว้าง
- มอบ”สุพัฒนพงษ์” เป็นแม่งานประสานกับเอกชน
- ให้ อย.และองค์การเภสัชกรรม ผ่อนคลายขั้นตอนอนุญาต
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า วันที่ 28 เม.ย.เวลา 10.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการหอการค้าไทย นำโดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย นายกลินท์ สารสิน ประธานอาวุโสหอการค้าไทย เพื่อนำเสนอแนวทางการทำงานของหอการค้าไทยในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย จากนั้น เวลา 12.30 น.นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีดีใจที่รัฐบาลและเอกชนจะร่วมมือโดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อประเทศไทยเปิดประเทศ นายกรัฐมนตรียังเน้นถึงบทบาทสำคัญของรัฐบาลเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจ เอกชน ดูแลกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ให้เกิดความยืดหยุ่นและดำเนินการได้ เช่นเดียวกับการโอนอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีมาเป็นของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ในพ.ร.บ.ทั้ง 31 ฉบับ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นการบูรณการกฎหมาย เพื่อแก้ไขสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ และยืนยันเป้าหมายคนไทย 50 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนในปลายปีนี้


ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้กำลังใจในการทำงานของหอการค้าฯมาโดยตลอด ซึ่งเอกชนพร้อมจะสนับสนุนการงานรัฐบาลเพิ่มจำนวนวัคซีนโควิด-19 และการกระจายการฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้มากขึ้นและเร็วขึ้น รวมทั้งการสร้างความมั่นใจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วย และการเข้าถึงแหล่งทุนจากสถานบันการเงิน จึงได้จัดตั้ง 4 ทีมสนับสนุนการฉีดวัคซีนภาคเอกชน โดยมีบริษัทที่ถนัดในธุรกิจนั้น ๆ มาช่วยกระจายฉีดวัคซีนล็อตใหญ่ที่จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2564 ประกอบด้วย ทีม A สนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีน ทีม B ทำหน้าที่การสื่อสารข้อมูล เชิญชวนประชาชนมารับการฉีดวัคซีนในสถานที่ที่พร้อม ขณะที่ทีมC เป็นทีมเทคโนโลยีและจัดระบบลงทะเบียนให้รวดเร็วและติดตามตัว และทีม D มีหน้าที่จัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล

จากนั้น เวลา 13.30 น.นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการจัดหาวัคซีนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เมื่อเสร็จสิ้นการประชุม เวลา 15.00 น. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ได้แถลงข่าวพร้อมผู้แทนภาคเอกชน โดยเปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้ง 4 ด้าน โดยมอบให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เป็นแม่งานในการประสานกับภาคเอกชน โดยมี สศช. และสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานประสานงานกับภาคเอกชน ซึ่งจะเดินหน้าทำงานตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.นี้เป็นต้นไป และมอบให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และองค์การเภสัชกรรม รับไปพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายกระบวนการพิจารณาอนุญาตให้ใช้วัคซีนสำหรับกลุ่มเป้าหมาย ที่อยู่ระหว่างประเมินข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อให้การจัดหาดังกล่าวของภาคเอกชนสามารถดำเนินการได้ทันเวลา

ด้านนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.)ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) กล่าวว่า ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่จะร่วมมือกับภาคเอกชนทำให้แผนทั้ง 4 ด้านบรรลุเป้าหมาย โดยการจัดหาสถานที่รองรับการฉีดวัคซีนทางหอการค้าแห่งประเทศไทยได้เตรียมไว้หลายแห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยจะให้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนจังหวัด(กรอ.จังหวัด)ร่วมมือกันทั้งประเทศ ขณะที่สอท.ได้เตรียมประสานพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมมารองรับ และจะเข้าไปร่วมดำเนินการผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม ที่มองว่ามีความจำเป็นและเป็นประโยชน์ สำหรับการลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีน จะที่เข้ามาจำนวนมากในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งทั้งนายกฯและนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ให้ความเชื่อมั่นที่จะร่วมมือทำงานกับภาคเอกชน อีกทั้งการจัดหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดสในปีนี้ ภาครัฐระบุชัดว่าไม่ปิดกันภาคเอกชนในการจัดหา นำเข้าและกระจายต่อ
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ภาคเอกชนและทุกคนสบายใจได้ทั้งหมด ทั้งนายกฯและรองนายกฯอนุทิน ให้ความสบายใจว่า ภายในปีนี้ประชาชนคนไทย รวมถึงชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทยจะได้รับวัคซีนเหมือนกัน ขณะนี้รัฐบาลสามารถจัดหาได้ 100 ล้านโดส จะสามารถครอบคลุม 70% ของประชากรคนไทย เราก็สบายใจที่จะเปิดประเทศได้ในต้นปี 2565 ขณะที่ภูเก็ต แซนด์บ๊อกที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาวันที่ 1 ก.ค.2564 ตามที่รัฐบาลตั้งธงไว้ก็จะไม่พลาด และต้องขอบคุณอีกครั้งที่เราได้ตั้ง “วัคซีน ทีม ไทยแลนด์”เกิดขึ้นแล้ว ภาคเอกชนตั้งใจสนับสนุนการทำงานโรงพยาบาลของรัฐและรัฐก็ให้ความไว้วางใจทำงานร่วมกัน