รัฐแบกหนี้สาธารณะอ่วม! หาก “การบินไทย”กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ



  • “กองทุนวายุภักษ์หนึ่ง”หวั่นแผนฟื้นฟูไม่ผ่าน เทขายหุ้น 69 ล้านหุ้น
  • ต้องกำจัดทุนติดลบของบริษัท 140,000 ล้านบาทก่อนเพิ่มทุน

วันที่ 28 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีกองรวมวายุภักษ์หนึ่ง ลดความเสี่ยงจากการถือหุ้นบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI โดยการเทขายหุ้นในส่วนที่รับซื้อจากกระทรวงการคลังทั้งหมด 69 ล้านหุ้น จากต้นทุนที่ซื้อจากกระทรวงการคลังมาเมื่อเดือนพ.ค.2563 ในราคา 4.03 บาทต่อหุ้น และล่าสุดได้ขายหุ้นออกอีก 0.3% นั้น ทำให้ปัจจุบันกองทุนวายุภักษ์ถือหุ้นการบินไทยอยู่ที่สัดส่วน 14.9% จากเดิมถือหุ้นอยู่ที่ 17.08% รวมแล้วขายหุ้นการบินไทยออกไปทั้งสิ้น 2.15%

ทั้งนี้สาเหตุที่มีการขายหุ้น เนื่องจากกังวลว่าแผนฟื้นฟูของการบินไทยจะไม่ผ่านการโหวตของเจ้าหนี้ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ รวมถึงที่ผ่านมากระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมยังมีความเห็นไม่ตรงกันหลายเรื่อง เช่น การเพิ่มทุน เป็นต้น จึงทำให้กองทุนวายุภักษ์หนึ่งทยอยขายหุ้นการบินไทยเพื่อลดความเสี่ยง

นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ว่าการเทขายหุ้นของกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่งนั้น อาจเป็นสัญญาณที่การบินไทย จะกลับเข้าสู่สถานะรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง เนื่องจากถ้าหากหุ้นจำนวนนี้ถูกขายกลับมาที่กระทรวงการคลัง จนทำให้กระทรวงการคลังถือหุ้นในการบินไทยเกิน 50% จะทำให้การบินไทยสามารถกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจและอยู่ในความดูแลของรัฐได้

อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายยังมีความกังวลในเรื่องหนี้สาธารณะ หากนำการบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง เนื่องจากหลังจากการบินไทยหลุดพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจเมื่อเดือนพ.ค.2563 ทำให้หนี้สาธารณะของประเทศลดลงประมาณ 200,000 ล้านบาท แต่ถ้าหากในอนาคตมีการนำการบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจใหม่ จะส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 200,000 ล้านบาททันที โดยหนี้ของการบินไทยจำนวนนี้จะเป็นหนี้ซึ่งผิดนัดชำระแล้วด้วย

ส่วนแผนปรับปรุงธุรกิจของการบินไทยซึ่งผ่านมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.)เมื่อเดือนเม.ย.2563 ซึ่งมีรายละเอียดการปรับปรุงแก้ไขธุรกิจของการบินไทยแล้วนั้น ปัจจุบันเวลาล่วงเลยมาหนึ่งปีแล้วแต่การบินไทยก็ยังไม่ได้แก้ไขปัญหาสำคัญตามมติคนร.อย่างเป็นรูปธรรมใดๆเลย

อย่างไรก็ตามปัจจุบันการบินไทยมีส่วนของทุนติดลบอยู่ประมาณ 140,000 ล้านบาท ดังนั้นเงินที่รัฐจะใส่เพิ่มเข้าไปจะถูกด้อยค่าเป็นศูนย์ทันที หากส่วนของทุนที่ติดลบไม่ได้รับการกำจัดออกไปก่อนจะมีการเพิ่มทุนโดยกระทรวงการคลัง โดยถ้าหากใส่ทุนจำนวนหนึ่งเข้าไปแล้วการบินไทยก็ยังต้องกู้เงินเพิ่มอีก วิธีนี้จะเป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะให้กับประเทศมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้การที่การบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ มีแนวโน้มว่าการบินไทยจะมีคดีความเรื่องแรงงานที่สภาพแรงงานการบินไทยบินฟ้องเพิ่มขึ้นอีก และคดีเหล่านี้จะกลายเป็นคดีแรงงานรัฐวิสาหกิจซึ่งมีโทษร้ายแรงมากขึ้นด้วย

ส่วนข้อข้องใจที่ว่า “กองทุนวายุภักษ์” เป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่นั้น ขออธิบายว่า จากการที่กองทุนวายุภักษ์ อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ 2 องค์กร โดยหนึ่งในนั้น คือ บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่มี บมจ. ธนาคารกรุงไทย ที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ถือหุ้นถึง 99.99 % นั้น  

ถ้าดูตาม “หนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ” ของกองทุนวายุภักษ์ ได้ชี้แจงในประเด็นนี้ว่า “กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง เป็นนิติบุคคล แยกต่างหากจากบริษัทที่จัดการ

ดังนั้นผลการดำเนินงานของกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง จึงไม่ขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) สรุปคือ กองทุนวายุภักษ์ ไม่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจแต่อย่างใด