
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน วันนี้(17 เมษายน 2564) ว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า เชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่(COVID-19)ที่กลายพันธุ์ในประเทศอินเดีย ที่มีพันธุกรรม บี.1.617 (B.1.617) อาจก่อให้เกิด “การแพร่ระบาดมากขึ้น” หรือแม้กระทั่ง “ลดทอนตัวลบล้างฤทธิ์” สืบเนื่องจากการกลายพันธุ์ที่มีลักษณะเฉพาะ
มาเรีย แวน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคโรคโควิด-19 ขององค์การฯ แถลงข่าวว่ากลุ่มศึกษาจีโนมเชื้อโรคโควิด-19 แห่งอินเดีย (INSACOG) เปิดเผยว่าบี.1.617 ปรากฏครั้งแรกในอินเดียเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2020 โดยมีการกลายพันธุ์ลักษณะเฉพาะ 2 ตำแหน่ง ได้แก่ อี484คิว (E484Q) และแอล452อาร์ (L452R) ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบในสายพันธุ์ไวรัสที่แพร่ระบาดเป็นวงกว้าง
“การกลายพันธุ์สองตำแหน่งที่พบในสายพันธุ์อื่นๆ ทั่วโลกเป็นสิ่งน่ากังวล เนื่องจากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เหล่านี้มีความคล้ายคลึงกัน และอาจมีส่วนเพิ่มความสามารถการแพร่ระบาด นอกจากนั้นเชื้อบางส่วนยังลดทอนตัวลบล้างฤทธิ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมาตรการต่างๆ รวมถึงวัคซีนด้วย” แวน เคอร์โคฟกล่าว
ขณะเดียวกันแวน เคอร์โคฟ ตั้งข้อสังเกตว่าบี.1.617 กำลังแพร่กระจายไปยังหลายประเทศ และมีรายงานการตรวจพบทั่ว “เอเชียและอเมริกาเหนือ”
อย่างไรก็ตามองค์การฯ จัดให้เชื้อไวรัสกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่ง (double mutant) ดังกล่าวเป็น “เชื้อที่ต้องสืบสวน” (Voi) หรือเป็นเชื้อที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนแต่ต้องเริ่มเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และยังไม่บ่งชี้ว่าจำเป็นต้องยกระดับการดำเนินการด้านสาธารณสุข
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานนี้ กระทรวงสาธารณสุขของอินเดียเผยแพร่แถลงการณ์อย่างเป็นทางการ ระบุว่าบี.1.617 สามารถเพิ่มอัตราการติดเชื้อและหลบหลีกการป้องกันทางภูมิคุ้มกันได้










