

วันที่ 30 มี.ค.64 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ระบุว่า การไปร่วมงาน 4 เม.ย.นี้ เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องปัจเจกบุคคล ไม่ใช่องค์กร จึงใช้ชื่อเรียกกันว่าสามัคคีประชาชน เพื่อหยุดยั้งการสืบอำนาจต่อไปไปอย่างน้อย 6 ปีหรือมากกว่านั้น และไม่ต้องการคนตระบัดสัตย์ได้อยู่ในอำนาจต่อไป ใครไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และต้องการสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน ต้องไปพบกันที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม วันที่ 4 เม.ย. เวลา 4 โมงเย็น
ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงตนกับสื่อมวลชนว่า อยากให้บ้านเมืองเป็นแบบเดิมหรือไม่ ถ้าอยากให้บ้านเมืองเกิดอะไรขึ้นแบบเดิมสื่อฯก็ช่วยขยายให้เขาก็แล้วกัน อยากทบทวนให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับทราบไว้ ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาได้ทำตามคำมั่นอะไรที่ให้ไว้กับประชาชนบ้าง บอกยึดอำนาจเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งประเทศ ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แล้วเป็นอย่างไร 7 ปีกลับนั่งปั่นหัวผู้คนไปเรื่อยๆ เหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สมควรเป็นนายกฯ 7 ปีที่ผ่านมา ประชาชนทุกฝ่ายล้วนมีความอึดอัดใจ วันที่ 4 เม.ย.นี้ จึงเข้าร่วมจัดการ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สนใจว่า ใครจะเข้าร่วมหรือไม่ เพราะการเข้าร่วมนั้น ไปตามคำชวน ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเสรีภาพ แต่มีบางกลุ่มปั่นกระแสใส่ร้ายว่า รับงานจาก ดร.ทักษิณ ชินวัตร อยากบอกว่า อย่ามายัดเยียดกล่าวหากัน อยากถามว่า พอใจกับการปกครองประเทศของประยุทธ์ อีก 6 ปีหรือไม่ ผมทนไม่ได้ เมื่อถูกชวนจึงไปร่วมด้วยในส่วนตัว เป็นเรื่องของปัจเจก ไม่ใช่เรื่องขององค์กร ก็แค่นั้น
นายจตุพร กล่าวว่า คนได้ประโยชน์สูงสุดในสถานการณ์ประเทศไม่มีทางแก้ไขอะไรได้ รวมทั้งการแก้รัฐธรรมนูญไม่ปฏิบัติตามสัญญาให้กับประชาชน ก็คือพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นจึงมีจุดยืนเพื่อไปไล่พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งไม่เคยทำตามคำมั่นสัญญาของตัวเองกับประชาชนเลย การวิจารณ์ไปลดทอนกำลังของนักศึกษานั้น ไม่ได้ไปยุ่งอะไรด้วย ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย สำหรับคนวิจารณ์กลับไม่เคยโดนอะไรด้วยซ้ำ มองปัญหาหลักอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ ใครบอกเป็นอย่างอื่นก็ว่ากันไป
“เขาวิตกกังวลแล้วพยายามปั่นให้เกลียดผม แล้วคนได้ประโยชน์สูงสุดคือประยุทธ์ ได้อยู่ต่อ รัฐธรรมนูญไม่ได้แก้ไข แล้วอยู่กันไป ส่วนผมไม่เอาด้วย เพราะต้องการจัดการประยุทธ์ ต้องการสถาปนา รัฐธรรมนูญประชาชน จึงต้องมาร่วมมือกันสามัคคีประชาชน ถ้ายังมีหลักคิดเดิมๆ ประชาชนก็ห้ำหั่นกันเหมือนเดิม ประยุทธ์ก็อยู่ยั่งยืนยงเหมือนเดิม ลูกเล่นของประยุทธ์ ก็ปั่นให้เกลียดกันเช่นนี้เสมอ แล้วเราก็ถูกหลอกแก้ รัฐธรรมนูญกันไป ส่วนผมต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ จึงต้องการให้แต่ละฝ่ายที่ขัดแย้งกัน มีความรู้สึกร่วมกันเฉพาะหน้า ซึ่งมันยากมาก แต่เรามีภาระกิจจัดการประยุทธ์ และสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมา”
นายจตุพร กล่าวว่า มีการปั่นกระแสถึงเรื่องสู้ไปก็แพ้นั้น ในเหตุการณ์เมื่อปี 2552-2553 ถ้าคิดถึงความตายเป็นการแพ้แล้วคนคิดเช่นนี้เลวทรามมาก เพราะเราไม่ได้สู้ทางการทหาร เราสู้ทางการเมือง และได้ชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2554 แล้วมาถูกจัดการอีกในปี 2557 การพยายามมาหยุดวันที่ 4 เม.ย.นั้น เท่ากับช่วยให้ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ ถ้าเราไม่คิดอ่านกันก็อยู่กันเหมือนเดิมอีก ดังนั้น ใครต้องการให้ประยุทธ์ไป ต้องการให้ประชาชนสถาปนา รัฐธรรมนูญก็ไปร่วมกันในวันที่ 4 เม.ย.นี้
“ผมรู้สิ่งที่กำลังทำต่อไปมันยาก เชื่อว่าโมเดลเหตุการณ์พฤษภา 2535 ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ ส่วนใครจะเชื่ออย่างไรก็ว่ากันไป แต่อย่ามาใส่ร้าย อย่ามาสกัดขัดขวางด้วยการวิจารณ์สาดเสียเทเสียกัน ผมมีคำถามง่ายๆ ใครอยากใส่เสื้อสีอะไรก็ใส่มา อยากให้ประยุทธ์อยู่ต่อก็ไม่ต้องมา ก็แค่นั้น ไม่มีใครว่าอะไรกัน การมาร่วมกันนั้นเป็นเรื่องของปัจเจก ไม่ใช่เรื่ององค์กร เป็นเรื่องของการสามัคคีประชาชนเพื่อจัดการประยุทธ์ 4 เม.ย. ถ้าประชาชนเกลียดอยุติธรรมก็ต้องมา เกลียดเผด็จการก็มา อยากได้รัฐธรรมนูญก็มา เพื่อระดมความคิดเห็น มาร่วมสามัคคีในส่วนประชาชน ถ้าการขับไล่ประยุทธ์ เป็นปัญหากับพวกคุณ ก็หาความสำราญในการปั่นกระแสใส่ร้ายกันไป ผมยืนแบบนี้ พวกคุณจะยืนอย่างไรก็เรื่องของคุณ”