

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกข่าวประชาสัมพันธ์ เพื่อชี้แจงถึง การตรวจสอบข้อมูลการสั่งน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่า เพื่อที่จะใช้เป็นข้อมูลในการประเมินผลการปฏิบัติงานของนักบิน โดยขอชี้แจงเพิ่มเติมว่า การวางแผนการบินของบริษัทฯ เป็นไปตามมาตรฐานและกฎสากล โดยปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงของทุกเที่ยวบิน (Standard Ramp Fuel) จะประกอบด้วยเชื้อเพลิงในส่วนต่างๆ ดังนี้ น้ำมันขับเคลื่อนบนพื้น (Taxi Fuel) ,น้ำมันสำหรับเดินทางตั้งแต่วิ่งขึ้นจนถึงสนามบินปลายทาง (Trip Fuel) ,น้ำมันใช้เดินทางไปยังสนามบินสำรอง (Alternate Fuel) ,น้ำมันสำรองสุดท้ายที่ใช้บินวน 30 นาที ในระดับความสูง 1,500 ฟุต เหนือสนามบินสำรอง (Final Reserve Fuel), น้ำมันเชื้อเพลงสำรองฉุกเฉิน สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปตามแผน (Contingency Fuel)
นอกจากนี้ หน่วยงานประสานการอำนวยการบิน (Flight Dispatch Department) ของบริษัทฯ โดยพนักงานอำนวยการบิน (Flight Dispatcher) ที่ผ่านการทดสอบความรู้ และถือใบอนุญาตจากองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เป็นผู้ทำหน้าที่ในการวางแผนการบิน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานกฎการบิน โดยการวางแผนนี้ได้ครอบคลุมข้อมูลด้านการบิน ตลอดเส้นทางการบิน ได้แก่ เอกสารแถลงข่าวการบิน (Aeronautical Information Publication: AIP), การออกประกาศสำหรับผู้ทำการในอากาศ (Notices to Airmen :NOTAM), สภาพอากาศระหว่างเส้นทางการบิน (En-route Weather), สนามบินปลายทาง (Destination), สนามบินสำรองระหว่างเส้นทาง (En-route Alternate), สนามบินสำรองที่ปลายทาง (Destination Alternate) และแผนการบิน (Operation Flight Plan) เพื่อนำมาประมวล และกำหนดเส้นทางบินที่ปลอดภัยที่สุด โดยระบบคอมพิวเตอร์จะนำข้อมูลดังกล่าวมาคำนวณ เพื่อกำหนดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในแต่ละเที่ยวบิน
ทั้งนี้ในก่อนทำการบินในแต่ละเที่ยวบิน พนักงานอำนวยการบินและนักบินจะต้องมาปรึกษาหารือร่วมกัน (Joint Responsibility) โดยนักบินควบคุมอากาศยานจะพิจารณาปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงอีกครั้งตามความเหมาะสมหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ควบคุมระวางน้ำหนัก (Load Control-Red Cap) จะคำนวณน้ำหนักผู้โดยสาร กระเป๋าสัมภาระ ไปรษณียภัณฑ์และคาร์โก้ โดยนำน้ำหนักที่แท้จริง (Actual Zero Fuel Weight) แจ้งให้นักบินรับทราบ เพื่อพิจารณาปรับปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงหากมีความจำเป็นต่อไป
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทางจะมีการวางแผน มีขั้นตอน ประเมิน จากข้อมูลต่างๆ อย่างรอบคอบรัดกุม ถึง 3 ขั้นตอน จึงมั่นใจได้ว่าการทำการบินในทุกเที่ยวบินของการบินไทย ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ทุกสายการบินในโลกปฏิบัติอยู่ตามมาตรฐานสากลทำให้มีความปลอดภัยสูงสุด สำหรับกรณีมีเหตุจำเป็น นักบินสามารถสั่งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ (Extra Fuel) ได้ แต่ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
อย่างไรก็ตาม การประเมินนักบิน มีเกณฑ์การพิจารณาอีกหลายด้าน เช่น การปฏิบัติการบินอย่างปลอดภัย (Accident, Incident) ประสิทธิภาพและความตั้งใจในปฏิบัติหน้าที่ (Performance) การสั่งน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยความเหมาะสม (Optimum Fuel) อย่างมีประสิทธิภาพบนพื้นฐานของความปลอดภัย บริษัทฯ ปฏิบัติการบินโดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นอันดับแรก และวางแผนการบินตามมาตรฐานสากลอย่างถูกต้อง โดยปฏิบัติการบินในทุกเที่ยวบินอย่างปลอดภัยและตรงเวลา เพื่อให้ผู้โดยสารและลูกค้าได้รับความพึงพอใจในการบริการสูงสุด ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันเพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้โดยสารทุกท่านว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกเที่ยวบิน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติการบิน