

.นักลงทุนซื้อหุ้นขานรับเฟดยืนยันเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ
.มองเศรษฐกิจทยอยฟื้นหลัง ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ออกมาดีกว่าคาด
.ดัชนีเอสแอนด์พี-แนสแด็กลบ หุ้นเทคโนโลยียังถูกเทขายต่อเนื่อง
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 17ก.พ.ที่ 31,613.02 จุด เพิ่มขึ้น 90.27 จุด หรือ +0.29% บวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,931.33 จุด ลดลง 1.26 จุด หรือ -0.03% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,965.50 จุด ลดลง 82.00 จุด หรือ -0.58%
นักลงทุนมีความหวังเศรษฐกิจจะฟื้นตัว หลังรายงานการประชุมเดือนม.ค.ของเฟดซึ่งระบุว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ พร้อมระบุว่า เฟดต้องการเห็นอัตราเงินเฟ้อขยายตัวตามเป้าหมายอย่างยั่งยืนก่อนที่จะพิจารณาเรื่องการยุติโครงการซื้อพันธบัตรและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ยอดค้าปลีกดีดขึ้นแข็งแกร่ง 5.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการที่ชาวอเมริกันได้รับเงินช่วยเหลือตามมาตรการเยียวยาวงเงินเกือบ 9 แสนล้านดอลลาร์ของรัฐบาลสหรัฐเมื่อช่วงปลายเดือนธ.ค.2563 ซึ่งช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับมากระเตื้องขึ้นหลังโควิด-19
เช่นเดียวกัยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐว่า เพิ่มขึ้นเกินคาด 1.0% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์คาดไว้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรม อาจเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนม.ค.
ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 0.7% ขานรับรายงานยอดค้าปลีกเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 2.33% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เพิ่มขึ้น 0.41% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล บวก 0.77% หุ้นคิมเบอร์ลีย์-คล้าค เพิ่มขึ้น 0.41%
ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.45% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 61 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.56% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 1.04% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.02%
หุ้นเชฟรอน ทะยานขึ้น 3% และหุ้นเวอไรซอน คอมมูนิเคชันส์ พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งการพุ่งขึ้นของหุ้นทั้งสองบริษัทเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ประกาศซื้อหุ้นในบริษัทเวอไรซอนเป็นวงเงินสูงถึง 8.6 พันล้านดอลลาร์ และซื้อหุ้นในบริษัทเชฟรอนวงเงิน 4.1 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้ดัชนีแนสแด็กปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยหุ้น Nvidia ดิ่งลง 2.77% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.76% หุ้นเพย์พาล โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 2.49% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวลง 1.07%
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในเดือนม.ค. ซึทำให้นักลงทุนกังวลจะส่งผลให้เฟดปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2552 เนื่องจากราคาต้นทุนสินค้าและบริการพุ่งขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง