
- ตรวจหาเชื้อเชิงรุก-เพิ่มเตียง ห้องไอซียูพื้นที่สีแดงเข้ม
- เยียวยาผู้ประกอบการ-ประชาชนที่ได้รับผลกระทบล็อกดาวน์
- เดินหน้าลุยกระตุ้นกำลังซื้อ-เศรษฐกิจ และฟื้นฟูประเทศ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมนายกรัฐมนตรีร่วมกับ 40 ซีอีโอ พลัส ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจชั้นนำของไทยว่า ภาคเอกชน เป็นห่วงและกังวล เรื่องการจัดหาและจัดสรรวัคซีนที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ถดถอยและซบเซาอย่างมาก หอการค้าไทย และ 40 ซีอีโอ พลัส จึงได้เสนอแนวทางและความคิดเห็น 4 ประเด็น เพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมการรับมือเหตุการณ์อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับ 4 ประเด็น ได้แก่ การควบคุมการแพร่ระบาด โดยเสนอให้จัดสรรและกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ทั้ง 25 ศูนย์ ของภาคเอกชนร่วมกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีศักยภาพที่จะแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลได้ รวมถึงต้องเร่งจัดให้มีการตรวจเชิงรุงอย่างทั่วถึง เพื่อแยกคนติดเชื้อออกจากคนไม่ติดเชื้อ สนับสนุนให้เอกชนจัดสถานที่แยกกักตัว (Isolation) จัดให้มียารักษาอย่างพอเพียง และเพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยหนัก และห้องไอซียู โดยเฉพาะในเขตสีแดงและแดงเข้ม
ส่วนในด้านการเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน เสนอให้ขยายมาตรการที่เคยดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ ในกรณีที่นายจ้างต้องหยุดประกอบกิจการตาม คำสั่งของราชการตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อหรือกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกินกว่า 90 วัน ให้ได้รับการช่วยเหลือ, เร่งรัดออกมาตรการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว ในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น, เร่งรัดฉีดวัคซีนให้กับแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวในประเทศ
นอกจากนี้ ยังเสนอให้เร่งรัดขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวทุกกลุ่มที่ใบอนุญาตให้ทำงานสิ้นสุดลง และเร่งรัดการเจรจาเพื่อนำเข้าแรงงานต่างด้าวเอ็มโอยู จำนวน 500,000 ราย และเร่งตรวจเชิงรุกในโรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้ภาคการผลิตหยุดเดินเครื่องผลิต และกระทบต่อภาคการส่งออก เพราะขณะนี้ แรงงานจำนวนมากในโรงงานอุตสาหกรรมติดโควิด

ขณะที่ด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ เสนอให้กระตุ้นผู้มีรายได้ และผู้มีกำลังซื้อสูง โดยนำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาอีกครั้ง และเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเป็นไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้ไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาทภายใน 1 ไตรมาส, กระตุ้นเศรษฐกิจจากภาคเอกชนให้ลงทุนเพิ่ม รวมถึงเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐด้วย
และสุดท้ายด้านการฟื้นฟูประเทศไทย เสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชน เพื่อแสวงหาโอกาสที่เกิดขึ้นในสถานการณ์โควิด โดยเน้นสาขาที่มีคนไทยได้ประโยชน์ เช่น เกษตรสมัยใหม่ ท่องเที่ยวคุณภาพสูง การศึกษายุคใหม่ และ Food for future เป็นต้น, การฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเสนอให้มี Super Application ที่ช่วยอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ซึ่งต้องเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน

“ข้อเสนอแนะของ 40 ซีอีโอ พลัส นายกฯ ได้รับไว้ และจะพิจารณาดำเนินการร่วมกันต่อไป ในที่ประชุม นายกฯ ย้ำว่า ยินดีสนับสนุนให้ภาคเอกชนช่วยเหลือประชาชน แต่ได้มอบแนวทางและนโยบายเพิ่มเติมเพื่อการทำงานร่วมกับภาคเอกชน โดยรัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนช่วยเจรจาหาวัคซีนที่ดี มีคุณภาพ เสริมจากที่รัฐบาลได้เตรียมการไว้ เพื่อให้ประชาชนได้วัคซีนเร็วที่สุด ส่วนประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนที่หารือครั้งนี้ นายกฯพร้อมเปิดให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนด้วย”
นายสนั่น กล่าวต่อว่า ภาคเอกชนพร้อมที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อให้ภารกิจควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 บรรลุเป้าหมาย และเพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศเข้มแข็งต่อไป










