4 ว่าที่ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ค้านขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี



  • พร้อมหนุนการจัดทำค่าโดยสาร ราคาถูก 
  • จัดทำตั๋วร่วม เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 10 สายราคาเดียว 
  • ไม่เห็นด้วยรัฐบาลชิงดันเรื่องนี้เข้า ครม.อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการเสวนาออนไลน์ ในหัวข้อ “รถไฟฟ้าต้องถูกลง ทุกคนต้องขึ้นได้ ผู้ว่า กทม. ช่วยได้หรือไม่” จัดโดยสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่า กทม. 4 คน คือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ว่าที่ ผู้สมัครผู้ว่ากทม. ผู้สมัคร อิสระ , นายสุชัชวีร์  สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ ผู้สมัครผู้ว่า กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ , นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ผู้สมัครผู้ว่า กทม. จากพรรคก้าวไกล และนางรสนา โตสิตระกูล ว่าที่ ผู้สมัครผู้ว่า กทม. ผู้สมัครอิสระ เข้าร่วม 

โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส ในปัจจุบัน  ซึ่งที่ผ่านมาเกิดปัญหาตั้งแต่มีการว่าจ้างให้เอกชนเดินรถส่วนต่อขยาย ไปจนถึงปี 2585 โดยใช้อำนาจพิเศษ และไม่มีใครเคยเห็นสัญญา และมีความพยายามที่จะมีการขยายสัมปทานไปอีก 30 ปี ถึงปี 2602 มีการกำหนดราคา สูงสุด 65 บาท โดยไม่ผ่านกระบวนการ กฎหมาย พรบ.ร่วมทุนฯ ทำให้มีปัญหาความโปร่งใสตั้งแต่ต้น 

และขอเสนอ ประเด็น 5 ข้อ 1.ต้องไม่มีการขยายสัมปทานให้เอกชน ที่จะเป็นภาระให้แก่คนรุ่นไปอีก 1 เจนเนอเรชั่นและนำกลับมาสู่กระบวนการกฎหมายร่วมทุน /2. กทม. ต้องเร่งเจรจาแก้ปัญหาหนี้ค่าจ้างเดือนรถ /และภาระหนี้จากการรับโอนโครงข่าย 100,000 ล้านบาท โดย กทม. ไม่ควรเข้าไปแบกรับภาระการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีเขียวเพราะที่ผ่านมารถไฟฟ้าเส้นอื่นๆ รัฐบาลก็รับภาระค่าก่อสร้างงานโยธา

3.ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปเรื่องค่าโดยสารส่วนต่อขยายทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ซึ่งเปิดวิ่งมาแล้ว 3 ปี แต่ไม่มีความชัดเจนเรื่องการเก็บค่าโดยสาร 4.ต้องเอาสัญญาค่าจ้างเดินรถ ถึงปี 2585 มาเปิดเผยเพื่อให้รู้ต้นทุนที่แท้จริง นำไปสู่ การคำนวณค่าโดยสารที่ถูกต้อง หลังหมดสัญญา สัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอสในปี 2572  และ 5.ต้องนำเส้นทางทั้งหมดมาจัดหารายได้ เช่นค่าโฆษณาในสถานีตามแนวเส้นทางสายสีเขียว ทั้งนี้นายชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า สายสีเขียวนั้น สามารถดำเนินการได้ในอนาคต สามารถจัดเก็บได้ในราคา 25 – 30 บาท/คน

นางรสนา โตสิตระกูล ว่าที่ ผู้สมัครผู้ว่า กทม. อิสระ  กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องไม่มีการขยายสัมปทานให้เอกชนเนื่องจากในสัญญาสัมปทานที่จะต่อนั้นมีเงินนำส่งรายได้ที่เอกชนต้องจ่ายให้ กทม. 200,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นค่าต๋ง ซึ่งเป็นที่มาที่ประชาชนต้องจ่ายค่าโดยสาร 65 บาท หากได้เป็นผู้ว่าราชการ กทม. ตนจะมีการโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียว กลับไปให้รัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลนำเอารถไฟฟ้าทุกสายกลับไปทำระบบตั๋วร่วม หรือ ตั๋วราคาเดียว  เพราะที่ผ่านมาการทำโครงข่ายรถไฟฟ้า กว่า 10 เส้นทาง นำภาษีของประชาชนไปลงทุนแล้วกว่า 1ล้านๆ บาท จึงไม่ควรนำภาระค่าโดยสารทั้งหมดผลักให้แก่ประชาชน  

โดยนางรสนา ระบุว่า เมื่อเกิดการเดินทางเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกสายเสียค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว ใช้บริการทุกโครงข่าย ไม่เกิน 40 -45 บาท ก็จะทำให้มีผู้มีใช้บริการระบบรถไฟฟ้า เพิ่มขึ้น จากวันละ 1.2 ล้านคน เป็น 3-5 ล้านคน ในอนาคต  นำไปสู่การแก้ไขปัญหาจราจรได้อย่างยั่งยืน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ผู้สมัครผู้ว่า กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีการขยายสัมปทานทำให้คนรุ่นลูกต้องมาแบกรับภาระค่าโดยสารรถไฟฟ้าแพง รวมแล้วอีก 38 ปี  และที่สำคัญคือ ต้องไปดำเนินการให้ชัดเจน  และทำการเจรจา 2 ส่วน คือ ไม่ไปแบกรับภาระหนี้การดำเนินการ ก่อสร้าง ส่วนต่อขยาย จาก รฟม./และไปเจรจาภาระหนี้ค่าจ้างเดินรถที่มีกับเอกชน 37,000 ล้านบาท และ เงินลงทุนจัดหารถอีก 20,000 ล้านบาท โดยต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส และหากจะมีการกำหนดค่าโดยสาร ให้คน กทม. ได้ประโยชน์ สามารถใช้บริการได้  ก็สามารถไปหาข้อสรุปว่า กทม. จะมีการอุดหนุนค่ารถไฟฟ้า เท่าไหร่ แต่ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ ผู้สมัครผู้ว่า กทม.  จากพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว  เนื่องจากกระทรวงคมนาคมในอดีต  ไม่ได้คิดวางแผนการพัฒนา เส้นทาง  การจัดการเดินรถและเก็บค่าโดยสาร โดยคิดให้รอบ ด้าน  ให้จบในครั้งเดียว  พร้อมเสนอแนวคิดว่า  สามารถผลักดันนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า ราคา 20 ถึง 25 บาท ให้เกิดขึ้นจริงได้ โดยกทมสามารถออกพันธบัตร โครงสร้างพื้นฐานท เพื่อระดมทุนมาแก้ภาระหนี้ 30,000 ล้านบาท เพื่อนำรายได้มาแก้ไขปัญหา หนี้ของ กทม. และค่าจ้างเดินรถในอนาคตด้วย

ส่วนความเห็นที่สภาองค์กรของผู้บริโภค  ระบุว่ารัฐบาลยังมีความพยายามที่จะนำเรื่องการขยายสัมปทานกับเอกชนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในสัปดาห์หน้านั้น  / ว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่า กทม. ทุกคนระบุว่า รัฐบาลไม่ควรเร่งรัดดำเนินการเนื่องจากกว่าจะหมดอายุสัมปทานยังมีเวลาอีก 8 ปี และควรรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้

โดย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุ การจัดงานในวันนี้ได้มีการเชิญ พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง  ผู้ว่า กทม . ร่วมเสวนาด้วย  เนื่องจากมีรายงานข่าวระบุว่าจะเปิดตัวเข้าร่วมลงสมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการ  กทม. ด้วย แต่พลตำรวจเอกอัศวิน ระบุว่า ยังไม่ได้มีการเปิดตัว จึงไม่สะดวกร่วมเสวนา