

- ย้ำต้องปฏิบัติตามมาตรการของกรมอนามัย เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19
- สวมหน้ากาก-วัดอุณหภูมิร่างกาย-เช็คทำความสะอาดอุปกรณ์-เว้นระยะห่าง
- ด้านสมาคมวิชาชีพช่างผมไทย เสนอขอผ่อนปรนเรื่องระยะห่างสำหรับร้านขนาดเล็ก
- เสนอเพิ่มให้ลูกค้าลงทะเบียนชื่อที่อยู่ เพื่อใช้ตามตัวหาเกิดการแพร่ระบาด
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่สำรวจโรงเรียนเสริมสวย ชลาชล อาคารบิสทาวน์ ลาดพร้าว โดยได้ให้คำแนะนำ ร่วมถึงแนวทางการป้องกันเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการผ่อนปรนให้สถานประกอบการร้านตัดผม เสริมสวย ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ 3 พ.ค.2563 เป็นต้นไป โดยผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ พนักงานและผู้เกี่ยวข้องกับงานบริการทุกคน ต้องให้ความสำคัญด้านความสะอาด ปลอดภัย สร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับตนเองและลูกค้าผู้ใช้บริการ และปฏิบัติตามมาตรการของกรมอนามัยในการควบคุมป้องกันเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อันประกอบด้วย

1.มีการตรวจวัดอุณภูมิร่างกาย แก่พนักงานทุกคนที่ให้บริการในร้านตัดผม เสริมสวย (เฉพาะตัด สระ ไดร์) ถ้ามีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5 องศาเซลเชียส หรือมีไข้ ไอ จาม ให้หยุดปฏิบัติงานและไปพบแพทย์
2.จัดหาหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย สำหรับพนักงานทุกคนอย่างเพียงพอ โดยให้พนักงานทุกคนสวมเสื้อคลุม ใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย และสวม Face shield ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน
3.กำหนดให้พนักงานทุกคนล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังให้บริการลูกค้าคนต่อไป
4.ห้ามให้บริการอื่นๆ ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับใบหน้าของลูกค้า หรือถ้าใช้ใบมีดโกน ให้เปลี่ยนใบมีดกับลูกค้าทุกคน ห้ามใช้ซ้ำ

ทั้งนี้สำหรับการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในร้าน ควรจัดให้มีจุดล้างมือ หรือเจลแอลกอฮอล์ สำหรับบริการลูกค้าที่บริเวณประตูทางเข้า หรือเคาน์เตอร์รับชำะเงินทุกจุดอย่างเพียงพอ รวมทั้งมีระบบระบายอากาศที่ดี และทำความสะอาดในบริเวณพื้นที่ที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อยๆ เช่น เก้าอี้ตัดผม เตียงสระผม ที่นั่งรอรับบริการ ควรทำความสะอาด และใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อยทุกๆ 2 ชั่วโมง ไม่ใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าขนหนู ผ้าคลุมตัว
ส่วนอุปกรณ์ในการเสริมสวย เช่น หวี แปรง กรรไกรต้องทำความสะอาดทุกครั้งก่อนและหลังให้บริการกับลูกค้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เช่น แอลกอฮอล์ 70% หรือโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 0.1% รวมทั้งจัดเก้าอี้บริการลูกค้าไม่ให้แออัด ให้มีระยะห่างกัน 1.5 – 2 เมตร
ทั้งนี้ในส่วนผู้มารับบริการ ควรนัดคิวการตัดผมเสริมสวยล่วงหน้า เพื่อลดเวลาในการนั่งรอ และอยู่ในสถานที่ร่วมกัน และเมื่อเข้ามาในร้านเสริมสวยต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย มีการล้างมือ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งเมื่อเข้ามาในร้านและหลังชำระเงิน

“กรมอนามัยขอความร่วมมือทุกสถานประกอบการร้านตัดผม เสริมสวย ถือปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมอนามัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทุกคน” พญ.พรรณพิมล กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ ชลาชล นายกสมาคมวิชาชีพช่างผมไทย กล่าวว่า สมาคมให้ความสำคัญ พร้อมปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง ซึ่งขณะนี้มีร้านทำผมขึ้นทะเบียนกับสมาคมประมาณ 100,000 ร้านทั่วประเทศ แต่ขณะนี้มีบางร้านยอมรับว่าบางมาตรการทำได้ยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องขนาดของร้าน เช่น ระยะห่างในการใช้บริการภายในร้าน จึงอยากให้มีการผ่อนปรนในเรื่องนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่ พร้อมเสนอให้ลูกค้าลงทะเบียน ชื่อ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ ในกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อสะดวกในการติดตามตรวจสอบ
ผู้สื่อข่วรายงานว่า อธิบดีกรมอนามัย ได้เห็นด้วยกับการที่จะให้ลงทะเบียนชื่อที่อยู่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ส่วนข้อเสนอเรื่องการผ่อนปรนของระยะห่างภายในร้านที่มีขนาดเล็กนั้น ทางกรมฯจะนำไปหารืออีกครั้ง