ไอแบงก์ เดินหน้าขยายสินเชื่อ ลดหนี้เสีย เจาะกลุ่มลูกค้าฮาลาส 

  • เป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการตามหลักชะรีอะฮ์เพื่อความยั่งยืน 
  • เพื่อยกระดับการบริการทางการเงินของธนาคารให้เท่าเทียมสถาบันการอื่น
  • มุ่งเน้นกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด ESG

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย   (ไอแบงก์)  เปิดเผยว่า  ได้ปรับวิสัยทัศน์ของธนาคารใหม่ เป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการตามหลักชะรีอะฮ์เพื่อความยั่งยืน” เพื่อยกระดับการบริการทางการเงินของธนาคารให้เท่าเทียมสถาบันการอื่น ยึดมั่นในหลักธรรมอิสลามหรือหลักชะรีอะฮ์ ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกศาสนิก ตลอดจนดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี 

สำหรับแผนยุทธศาสตร์ด้านพันธกิจมุ่งเน้นกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แนวคิด ESG คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม ตอบโจทย์ความยั่งยืน  สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักซึ่งเป็นพี่น้องมุสลิมและลูกค้าทั่วไป อาทิเช่น สินเชื่อบ้านมีหนี้ลด เป็นการช่วยเหลือลูกค้าลดภาระการผ่อนชำระหนี้ด้วยการรวมหนี้ต่างๆไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือหนี้บุคคลเข้ากับหนี้ที่อยู่อาศัย ทำให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระในอัตราย่อมเยาและระยะเวลายาวนานขึ้น เสมือนมีรายได้คืนมาบางส่วน โครงการชุมชนซื่อสัตย์เป็นสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมระดับฐานรากให้หลุดพ้นหนี้นอกระบบกลับมาอยู่ในระบบสถาบันการเงิน 

 นอกจากนี้ยังมี สินเชื่อธุรกิจฮาลาลครบวงจร จะสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจในตลาดธุรกิจฮาลาลแต่ยังขาดแหล่งทุน ขาดความรู้ความเข้าใจ เพื่อส่งเสริมต่อยอดให้เป็นผู้ประกอบการฮาลาลเต็มรูปแบบได้ สำหรับผู้ประกอบที่มีธุรกิจฮาลาลอยู่แล้ว ไอแบงก์จับมือกับพันธมิตรหลายภาคส่วน ในการเพิ่มศักยภาพยกระดับสินค้าของผู้ประกอบการให้สามารถส่งออกไปนานาประเทศได้ ตลอดจนช่วยพัฒนาเป็นสินค้าฮาลาลเพื่อสังคมและยั่งยืน ด้านการสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่มีแนวทางการพัฒนาภาคใต้ผ่านการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ธนาคารยังคงดำเนินการขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการทางการเงินให้ประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ให้มีแหล่งทุนในการประกอบอาชีพ  นอกเหนือจากการพึ่งพิงการเกษตรและประมงซึ่งเป็นอาชีพที่มีความผันผวนสูงและสร้างรายได้ครัวเรือนต่ำ โดยมีแผนยุทธศาสตร์ภาคใต้ที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนซึ่งอาศัยเครือข่ายที่มีอยู่ในพื้นที่โดยเฉพาะมัสยิด รวมทั้งสหกรณ์อิสลามเป็นกลไกในการขับเคลื่อน เพื่อลดปัญหาความยากจนในพื้นที่พันธกิจของธนาคารอย่างยั่งยืนต่อไป 

สำหรับยุทธศาสตร์ด้านธุรกิจ ธนาคารเดินหน้าขยายสินเชื่อ SMEs ในกลุ่มธุรกิจเป้าหมายของธนาคาร ตลอดจนการทำ Synergy กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ส่วนสินเชื่อ Corporate ซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวแล้ว ธนาคารก็ยังคงให้การสนับสนุนทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ สำหรับสินเชื่อรายย่อยซึ่งเป็นกลุ่มที่ธนาคารมุ่งเน้นและเติบโตได้ดีอยู่แล้ว จะประสานความร่วมมือกับบริษัทลูก หรือ บมจ.อะมานะห์ ลิสซิ่ง ในการแนะนำธุรกิจระหว่างกันเพื่อเป็นการ สร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPF) ด้วยการแก้ไขหนี้อย่างเบ็ดเสร็จ  ส่วนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาองค์กร ธนาคารจะใช้ระบบเทคโนโลยีและข้อมูลในการปฏิบัติงาน รวมทั้งจะเพิ่มช่องทางการบริการผ่านโมบายแบงก์กิ้ง โดยเป็นการพัฒนาผ่านความร่วมมือ (Synergy) กับหน่วยงานภาครัฐซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในไตรมาส 3 นี้แน่นอน 

สำหรับทิศทางองค์กรในอนาคต ธนาคารตั้งเป้าสร้างกำไรอย่างยั่งยืนและเงินกองทุนเติบโตอย่างเข้มแข็ง โดยจากการศึกษาภาพรวมของตลาดการเงินอิสลามทั่วโลก ในรายงานการพัฒนาของระบบการเงินอิสลามฉบับปี 2565 ของ Refinitiv ผู้ให้บริการข้อมูลอัจฉริยะด้านการเงินและการจัดการความเสี่ยงแถวหน้าของโลก  โดยในรายงานพบว่า ณ สิ้นปี 2564 สินทรัพย์ของระบบการเงินอิสลามรวมทั่วโลกมีมากถึง 137 ล้านล้านบาท มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์แม้ภายหลังประสบปัญหาเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด 19 ที่ร้อยละ 17 และมีจำนวนสถาบันที่ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน รวมกว่า 1,650 แห่งทั่วโลก โดยสินทรัพย์รวมของระบบการเงินอิสลาม มีสินทรัพย์ที่มาจากภาคธนาคารอิสลามมากที่สุดถึงร้อยละ 70 รองลงมาคือศุกูกหรือพันธบัตรอิสลาม ร้อยละ 18 และกองทุนอิสลามที่ร้อยละ 6  และสำหรับสินทรัพย์จากภาคธนาคารอิสลาม รวมทั่วโลกแล้วมีทั้งสิ้นราว 96 ล้านล้านบาท มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์ธนาคารอิสลามรวม ร้อยละ 17 หรือเท่ากับการเติบโตในภาพรวมของการเงินอิสลามทั้งระบบ และมีจำนวนธนาคารอิสลาม ณ ปี 2564 รวม 566 แห่งทั่วโลก ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น ระบบการเงินอิสลามในประเทศไทยยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก โดยเมื่อช่วงต้นปี ก.ล.ต. ก็อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนรวมอิสลาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนมุสลิมว่าการลงทุนในกองทุนรวมที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันตะกาฟุลในประเทศไทยก็ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจาก คปภ. ในพัฒนาขอบเขตการให้บริการที่สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการของตลาด นอกจากนี้การฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบียยังเสริมสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับระบบการเงินอิสลามชั้นนำในต่างประเทศ