

- ย้ำกังวลจีนละเมิดสิทธิมนุษยชน-แสดงท่าทีแข็งกร้าว
- พร้อมปกป้องความมั่นคง สุขภาพและชีวิตคนอเมริกัน
- ขณะที่ “สี” ลั่นการเผชิญหน้าอาจทำให้ 2 ประเทศ “หายนะ”
สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ต่อสายคุยกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง โดยเน้นย้ำเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชน การเปิดกว้างและเสรีกว้างในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ขณะที่ผู้นำแดนมังกรเตือนสหรัฐฯ ว่าการเผชิญหน้ากันอาจนำมาซึ่ง “หายนะ” ของทั้ง 2 ฝ่าย
การพูดคุยระหว่างผู้นำ 2 ชาติมหาอำนาจมีขึ้นในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 11 ก.พ.64 ตามเวลาในจีน ซึ่งตรงกับช่วงหัวค่ำของวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามเวลาสหรัฐฯ โดยทำเนียบขาวแถลงว่า ไบเดน “ได้เอ่ยย้ำถึงความกังวลขั้นพื้นฐานในหลายประเด็น ทั้งเรื่องที่ปักกิ่งใช้แนวทางปฏิบัติเชิงบังคับที่ไม่เป็นธรรม, การปราบปรามผู้ประท้วง ที่เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง, การละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง และการแสดงท่าทีก้าวร้าวในภูมิภาค รวมถึงต่อไต้หวัน”
นอกจากนี้ ไบเดน ยังบอกกับ สี ด้วยว่า สิ่งที่รัฐบาลของเขาให้ความสำคัญสูงสุดคือ “การปกป้องความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพ และวิถีชีวิตของชาวอเมริกัน ตลอดจนธำรงไว้ซึ่งความเสรี และการเปิดกว้างในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก”
ขณะเดียวกัน ยังได้หารือถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการไม่แพร่กระจายอาวุธ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า ประธานาธิบดี สี ได้เตือน ไบเดน ว่าการเผชิญหน้าจะนำมาซึ่ง “หายนะ” ของทั้ง 2 ฝ่าย และเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูแนวทางที่จะช่วยหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม สี ยังคงแสดงท่าทีแข็งกร้าวในประเด็นฮ่องกง ซินเจียง และไต้หวัน โดยย้ำเตือนผู้นำสหรัฐฯ ว่า กิจการในดินแดนเหล่านี้ “ถือเป็นอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนจีน” ซึ่งตนหวังว่าสหรัฐฯ จะดำเนินการต่างๆ ด้วยความระมัดระวัง
การพูดคุยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกระหว่าง สี กับผู้นำสหรัฐฯ หลังจากที่ได้คุยครั้งสุดท้ายกับอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือน มี.ค.63 ก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศจะตกต่ำถึงขีดสุดในรอบหลายสิบปี จากการที่ ทรัมป์ ประณามหยามเหยียดจีนว่าเป็นต้นตอของโควิด-19
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ในยุคของ ทรัมป์ ได้ใช้นโยบายแข็งกร้าวต่อจีนหลายอย่าง ทั้งทำสงครามการค้า คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนและบริษัทจีนที่อเมริกามองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง รวมถึงท้าทายการอ้างกรรมสิทธิ์ของปักกิ่งเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จีนแสดงความคาดหวังว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐฯ น่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในยุคของไบเดน พร้อมทั้งเรียกร้องให้อเมริกาหาวิธี “พบกันครึ่งทาง” แม้ที่ผ่านมา รัฐบาลไบเดนประกาศชัดเจนว่าจะยังคงมาตรการต่างๆ เพื่อกดดันจีนต่อไป แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะแสวงหาความร่วมมือแบบพหุภาคีมากขึ้น
ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ก่อนที่การพูดคุยระหว่าง 2 ผู้นำจะเริ่มขึ้นว่า ไบเดน “จะใช้แนวทางที่ปฏิบัติได้จริง ตลอดจนความมุ่งมั่น และความเข้าใจที่ถ่องแท้” ในการรับมือจีน แต่ก็ยังต้องการเปิดช่องทางสื่อสารระหว่างกันไว้
นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกด้วยว่า การพูดคุยกับ สี จิ้นผิง มีขึ้นในช่วงเวลาที่ ไบเดน เชื่อว่าสหรัฐฯ อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งพอ และได้ปรึกษาหารือกับชาติพันธมิตรและหุ้นส่วนต่างๆ มาแล้ว เพื่อที่จะแจกแจงความกังวลเกี่ยวกับ “พฤติกรรมก้าวร้าวและการล่วงละเมิด” ของจีน