

ไทยยืนหนึ่งส่งออกมันสำปะหลังโลก 9 เดือน ปี 66 เฉียด 3 พันล้านเหรียญฯ
- แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จะลด 15.30%
- เหตุผลผลิตลดจากโรคใบด่าง-ขาดท่อนพันธุ์ทนโรค
- สนค.แนะเร่งแก้ปัญหา-ใช้นวัตกรรมขั้นสูงเพิ่มมูลค่าสินค้า
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ติดตามการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ปี 66 พบว่า มีมูลค่าส่งออกรวม 2,907.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 15.30% เทียบช่วงเดียวกันปี 65 เพราะปริมาณส่งออกที่ลดลง แต่ไทยยังคงครองส่วนแบ่งอันดับ 1 ของโลก สัดส่วน 36.69% ของการส่งออกผลิตภัณฑ์มันโลก โดยมีจีนเป็นตลาดส่งหลัก สัดส่วน 65.5% ตามด้วย ญี่ปุ่น สัดส่วน 8.44% ไต้หวัน 3.53% มาเลเซีย 3.27% สหรัฐฯ 2.66% ขณะที่ตลาดใหม่ ที่ไทยพยายามผลักดันการส่งออก ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย มีสัดส่วนรวมกัน 17.05%
“ความกังวลด้านความมั่นคงทางอาหารและพลังงานจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำให้การส่งออก ผลิตภัณฑ์มันของไทยและราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ผลผลิตไทยกลับลดลง เพราะยังมีโรคใบด่างระบาดและศัตรูพืช รวมทั้งขาดแคลนท่อนพันธุ์ที่ทนต่อโรคพืชและแมลง ประกอบกับ ผลกระทบจากภัยแล้งในปีนี้ และน้ำท่วมเมื่อปี 65 ทำให้พื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตลดลง”

ดังนั้น รัฐบาลควรเร่งสนับสนุนวิจัยและพัฒนาพันธุ์ที่ทนโรคและให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น แม้ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่แล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะความมต้องการซื้อของโลกยังพุ่งสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ ต้องเร่งส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลังที่หลากหลายด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นสูง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มโอกาสส่งออกในตลาดศักยภาพใหม่ๆ ให้มากขึ้น
ส่วนผู้ประกอบการ ควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่กระทบต่อห่วงโซ่การผลิต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาโรคพืชเอลนีโญที่ทำให้อากาศแปรปรวน ภาวะเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย อัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวนรวมทั้งความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขนส่ง
อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีโอกาสขยายการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปยังตลาดอื่นๆ ที่ไทยยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยได้อีกทั้ง เยอรมนี และสหรัฐฯ เพราะยังมีความต้องการใช้อยู่มากเช่นกัน สำหรับมันสำปะหลังไทยฤดูการผลิตปี66/67 คาดจะมีพื้นที่เพาะปลูก 9.05 ล้านไร่ ลดลง 3.22% จากปีก่อนที่มีพื้นที่ 9.35 ล้านไร่ ผลผลิตรวม 27.94 ล้านตัน ลดลง 9.08% จากปีก่อนที่มี 30.73 ล้านตัน ขณะที่ราคาหัวมันสด เชื้อแป้ง 25% ยังทรงตัวในระดับสูงที่กิโลกรัม (กก.) ละ 3.35-3.80 บาท มันเส้น กก.ละ 8.50-9.35 บาท แป้งมันประเภทสตาร์ช ชั้นพิเศษ กก.ละ 18.80 บาท