

- TFM เดินหน้าพลิกธุรกิจไตรมาส 2 ปี’66 ฟื้นกลับมากำไรสุทธิกว่า 47.8 ล้านบาท โต 41.6%
- “ธุรกิจอาหารกุ้ง” เป็นหัวหอกทำยอดขายพุ่ง เร่งจัดทัพบริหารต้นทุนเพิ่มคุณภาพสินค้าและบริการ
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ “TFM” รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2566 มียอดขาย 1,343.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยทำกำไรขั้นต้น 122.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7 % และกำไรสุทธิ 47.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.6 % ในไตรมาส 2 ปีนี้ทางบริษัทมีบันทึกรายการพิเศษตัดจำหน่ายสินทรัพย์ ฟาร์มทดลองที่จังหวัดตรัง 20 ล้านบาท เนื่องจากครบกำหนดเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากลงทุน (BOI) หากไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษนี้แล้วบริษัทจะมีกำไรสุทธิรวม 67.8 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินไตรมาส 2 กับไตรมาส 1 ปีนี้ ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม สามารถพลิกฟื้นขาดทุนไตรมาสก่อนมาทำกำไรสุทธิ 47.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 272.3 % โดยมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 156.4 % และยอดขายเพิ่มขึ้น 16.6 %

นายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้วางแนวทางการบริหารบริษัทตั้งแต่ต้นปี 2566 พยายามปรับปรุงและปรับระบบการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ทั้งเรื่องการจัดการต้นทุน การควบคุมการผลิตสินค้า ให้มีคุณภาพที่ดี ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้านต่าง ๆ ทั้งทางด้านความสดใหม่และคุณภาพของอาหารช่วยให้สัตว์น้ำเติบโตได้ดี ตามอัตรา FCR (Feed Conversion Ratio) ที่ต่ำเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรมีกำไรและเป็นพันธมิตรที่ดีกับริษัท ตลอดจนผนึกกับธุรกิจต่าง ๆ ในกลุ่มไทยยูเนี่ยน เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายและขยายธุรกิจสร้างโอกาสใหม่ๆ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ด้วย
บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ มีรายได้การขายจาก 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่ 1 ธุรกิจอาหารกุ้ง 60.6% ส่วนที่ 2 ธุรกิจอาหารปลา 29.3% ส่วนที่ 3 ธุรกิจอาหารสัตว์บก 8.7% และอื่น ๆ 1.4%

การทำยอดขายช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 “ธุรกิจอาหารกุ้ง” มียอดขาย 813.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยได้ปรับกลยุทธ์การขายเน้นสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการขายอาหารกุ้งยังคงอยู่ในระดับเดียวกันกับปีก่อนคือ 25,249 ตัน เพิ่มขึ้นเพียง 0.7% ส่วน “ธุรกิจอาหารปลา” มียอดขาย 394 ล้านบาทลดลง 9.3% ถึงแม้ยอดขายอาหารปลาในประเทศจะยังทรงตัวได้ดีเพราะเน้นอาหารปลากะพง แต่การยอดขายอาหารปลาของบริษัทในตลาดปากีสถานปรับลดตัวลงส่งผลให้ยอดขายส่วนนี้ลดลงตามไปด้วย และ “ธุรกิจอาหารสัตว์บก” มียอดขาย 116.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากยอดขายในปากีสถานเพิ่มขึ้น
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า บมจ. ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ได้ปรับใช้วิธีคิดและแนวทางการบริหารจัดการแบบครบวงจรเข้ามาพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะคุณภาพสินค้าและบริการ เพราะเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจในการสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าในระยะยาว ซึ่งในสถานการณ์ที่วัตถุดิบราคาสูงขึ้น การบริหารจัดการกลุ่มสินค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยจะไม่ผลิตสินค้าในกลุ่มที่ไม่ทำกำไร การบริหารจัดการต้นทุนโดยวิเคราะห์และวางแผนการผลิตอย่างรอบคอบให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทำให้บริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาสนี้ ตามแผนครึ่งปีหลัง 2566 ยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจทุกรูปแบบให้เติบโตได้ต่อเนื่องตามเป้าหมายต่อไป
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen