

- จัดหนักลงทุนดิจิทัลขีดเส้น 3 ปี 2 หมื่นล้านบาท
- ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำในอาเซียนด้านการลงทุนดิจิทัลเทคโนโลยีภายใน 5 ปี
- แจงหนี้เอ็นพีแอลพุ่ง เป็นผลจากรับมือเศรษฐกิจเปาะบาง
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานกรรมการบริการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดตั้งบริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ในรูปแบบของโฮลดิ้งคอมพานี ที่จะเข้ามาดูแลบริษัทด้านเทคโนโลยีที่อยู่ในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ทั้งหมด อาทิเช่น เป็นผู้ถือหุ้นใน ดิจิทัล เวนเจอร์ส ,เอสซีบี อบาคัส และมันนิกซ์ รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีที่จะจัดตั้งหรือลงทุนในอนาคต โดยตั้งงบลงทุนรวม 20,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำในอาเซียนด้านการลงทุนดิจิทัลเทคโนโลยีภายใน 5 ปี
“ เอสซีบี เท็นเอกซ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยดิจิทัลเทคโนโลยี ทั้งการเข้าไปลงทุนเอง การลงทุนร่วมสร้าง และการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งการลงทุนดิจิทัลต้องใช้เวลา จึงทำในรูปแบบธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ เนื่องจากมองผลตอบแทนและการเติบโตธุรกิจเป็นรายปี แต่หากการลงทุนด้านดิจิทัลที่เป็นธุรกิจใหม่ หากประสบความสำเร็จในอนาคต หรือบริษัทที่เข้าไปร่วมลงทุนมีมูลค่าสูงขึ้น ผลตอบแทนกลับเข้ามายังธนาคารสูงมาก”
ทั้งนี้เงินเงินลงทุนด้านดิจิทัล ของเอสซีบี เท็นเอกซ์ จะเป็นงบเดิมที่ธนาคารไว้ 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 4,500 ล้านบาท ปัจจุบันได้ลงทุนไปแล้ว 2,250 ล้านบาท อาทิ ลงทุนในบริษัทดิจิทัล เวนเจอร์ส จำนวน 300 ล้านบาท โดยมีนายอรพงษ์ เทียนเงิน ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อมาเป็นเจ้าของบริษัท และบริหารงานคิดค้นด้านเทคโนโลยี โดยดิจิทัล เวนเจอร์ส จะมีการระดมทุนและหากผู้ร่วมทุนในเร็วๆ นี้ เพื่อนำเงินมาคิดค้นพัมนาเทคโนโลยี ในส่วนของเอสซีบี เท็นเอกซ์ ไม่ใช้สิทธิ์เพิ่มทุน ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลง แต่หากในอนาคตดิจิทัล เวนเจอร์ส ประสบความสำเร็จ บริษัทมีมูลค่าสูงขึ้น เงินลงทุนของของเอสซีบี เท็นเอกซ์ก็สูงขึ้นไปด้วย ขณะที่ นางสาวสุทธาภา อมรวิวัฒน์ ได้ขอลาออกจากธนาคาร และออกมาเป็นเจ้าของเอสซีบี อาบาคัส ที่ปัจจุบันได้พัฒนาบริการ สินเชื่อแม่มณีศรีออนไลน์ และนำปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ มาใช้ในการวิเคราะห์สินเชื่อ
นายอาทิตย์ กล่าวถึงกรณีที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ของธนาคารที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.38 % จากสิ้นปี 61 อยู่ที่ 2.83 %ว่า เศรษฐกิจมีความเปาะบาง เพื่อรองรับอนาคต ธนาคารพิจารณาสินเชื่อในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นเอ็นพีแอล แม้ว่าปัจจุบันยังชำระหนีปกติ จัดชั้นเป็นหนี้เอ็นพีแอล และสำรองหนี้เสีย ส่งผลให้ตัวเลขเอ็นพีแอลของธนาคารเพิ่มขึ้น
“นับจากนี้หากเศรษฐกิจยังไปแบบนี้ สำรองของธนาคารที่มีอยู่รองรับได้ หากเศรษฐกิจฟื้นตัว ก็จะไปได้ดี แต่หากเศรษฐกิจแย่ ธนาคารก็ไม่เหนื่อยมาก เพราะสำรองไปหมดแล้ว ในปีนี้ตั้งเป้าคุมเอ็นพีแอลไม่ให้เกิน 2.40 % ของสินเชื่อรวม”
อย่างไรก็ตามในปีนี้การปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ยังเน้นระมัดระวัง ขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียม จะเป็นตัวหลักที่สร้างรายได้ให้กับธนาคาร โดยเฉพาะรายได้จากการขายประกันชีวิต และกองทุน ที่มีการเปลี่ยนรูปแบบการขายจากเดิมเน้นขายผ่านสาขา ให้เป็นไปตามเกณฑ์การกำกับดูแลการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม หรือ มาร์เก็ตคอนดักต์ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือนม.ค.63 การขายประกันชีวิต และกองทุนมีอัตราการเติบโตดีมาก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปีนี้ดีกว่ากว่าไตรมาส 4 ปี 62 ขณะเดียวกันในปีนี้รายได้ค่าธรรมเนียมจะเติบโต 7-10 % เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ธนาคารยังมีเงินสดที่ถืออยู่จากการขายบริษัทประกันชีวิตไทยพาณิชย์ อีก 60,000-80,000 ล้านบาท ที่นำไปบริหารสร้างรายได้อีกด้วย