
- เหตุโครงการปัจจุบันที่ให้กับ 119 ประเทศจ่อหมดอายุ 31 ธ.ค.63
- เผยทุกปีสหรัฐฯต่ออายุล่าช้าเพราะต้องออกเป็นกฎหมาย
- ย้ำแม้ต่ออายุไม่ทันและไทยกลับไปเสียภาษีอัตราปกติแต่ขอคืนได้
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าในสิ้น 63 มีสินค้าไทยอีกหลายรายการตจะถูกสหรัฐฯตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ว่า ขณะนี้ สหรัฐฯอยู่ระหว่างการทบทวนโครงการจีเอสพีที่ให้กับประเทศกำลังพัฒนา และประเทศพัฒนาน้อยที่สุด 119 ประเทศ โดยเป็นรอบการทบทวนรายปี (Annual Review) เพราะโครงการจะหมดอายุในทุกๆ สิ้นปี หรือวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งโครงการปัจจุบัน จะหมดอายุวันที่ 31 ธ.ค.63 และต่ออายุมาแล้ว 10 ครั้ง ซึ่งในการต่ออายุครั้งนี้ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ ได้ร่วมกับเอกอัครราชทูตของ 26 ประเทศที่ได้รับสิทธิ ทำหนังสือถึงทางการสหรัฐฯ ให้ต่ออายุโครงการแล้ว
“การต่ออายุ จะเป็นผลดีกับทั้งประเทศผู้ส่งออก และสหรัฐฯเอง ที่ผู้บริโภคจะได้ใช้สินค้าในราคาถูกลง แต่ถ้าไม่ต่ออายุ สหรัฐฯก็จะใช้สินค้าไทยแพงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในการต่ออายุแต่ละครั้ง จะต้องออกเป็นกฎหมาย และใช้เวลาพิจารณาล่าช้า ทำให้ต่ออายุไม่ทันสิ้นปี จึงอาจทำให้สินค้าไทยหลายรายการ ต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้าอัตราปกติซึ่งผู้ส่งออกไทยสามารถขอคืนภาษีจากศุกากรสหรัฐฯได้ หลังจากที่สหรัฐฯได้ประกาศต่ออายุโครงการแล้ว จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยแต่อย่างใด ปัจจุบัน สหรัฐฯให้สิทธิจีเอสพีสินค้าไทย 3,500 รายการ แต่ไทยใช้สิทธิส่งออกจริง ประมาณ 645 รายการ คิดเป็นมูลค่า 2,600 ล้านเหรียญฯ หรือ 83,200 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะหมดอายุช่วงสิ้นปีนี้”

นอกจากนี้ กรมได้ยื่นเรื่องขอให้ทางการสหรัฐฯ พิจารณาคืนสิทธิจีเอสพีให้สินค้าไทย 3 รายการ ได้แก่ ดอกกุหลาบกล้วยไม้ และผลิตภัณฑ์จากหนังสัตว์ หลังจากที่ถูกตัดสิทธิไปก่อนหน้านี้ ส่วนกรณีที่สหรัฐฯเพิ่งตัดจีเอสพีสินค้าไทย231 รายการ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ในรอบการทบทวนเป็นรายประเทศ (Country Review) เพราะไทยไม่เปิดตลาดนำเข้าหมูและผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนนั้น ในเร็วๆ นี้ กรมจะนัดประชุมผู้ส่งออกสินค้าที่ถูกตัดสิทธิเพื่อสอบถามผลกระทบ และแนวทางช่วยเหลือ ทั้งการหาตลาดใหม่ การเจรจาจับคู่ทางธุรกิจทั้งทางออนไลน์ และออฟไลน์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จากการหารือกับภาคเอกชน ในเบื้องต้น เห็นว่า ไทยไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯโดยใช้จีเอสพีได้ตลอดไป เพราะจีเอสพี เป็นการให้ฝ่ายเดียวโดยสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ จะให้หรือไม่ให้ประเทศใดก็ได้ และในปี 62 สหรัฐฯได้ยกเลิกการให้สิทธิกับอินเดีย และตุรกีมาแล้ว ด้วยเหตุผลด้านการเปิดตลาดสินค้าและบริการ และด้านเกณฑ์ระดับการพัฒนาประเทศ ตามลำดับ และได้ระงับสิทธิฯ บางรายการสินค้ากับยูเครน ด้วยเหตุผลด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา นอกจากนี้ ยังมีหลายประเทศที่สหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาระงับสิทธิเพิ่มเติมด้วยเหตุผลการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้ และในประเด็นการคุ้มครองสิทธิแรงงานเช่น เอริเทรีย ซิมบับเว คาซัคสถาน อาเซอร์ไบจาน เป็นต้น ดังนั้น ไทยต้องพัฒนาการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพมาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคต้องการสินค้าไทยอย่างต่อเนื่อง










