ได้ฤกษ์…คนกรุงเตรียมนั่งรถเมล์ใหม่ ”ศักดิ์สยาม” ดันแผนฟื้นฟูขสมก. เข้าครม. ต้นเดือน ส.ค.นี้



นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในต้นเดือนสิงหาคม 63 กระทรวงคมนาคมเตรียมที่จะนำแผนฟื้นฟูกิจการ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ฉบับปรับปรุงใหม่ เข้าสู่การพิจารณาขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี  หลังจากที่ผ่านมาแผนดังกล่าว  ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร.ไปแล้ว รวมทั้งผู้บริหาร ขสมกได้เข้าร่วมหารือกับกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางที่จะมีการล้างขาดทุนสะสม 127,000 ล้านบาท รวมทั้งประเด็นอื่นๆที่กระทรวงการคลังยังมีข้อสงสัยเสร็จสิ้นแล้ว

ที่ผ่านมามีข้อสงสัยเกี่ยวกับการ ที่จะทำให้ผลประกอบการ ขสมก.จะมี รายได้ก่อนหักภาษี (EBITDA)  กลับมาเป็นบวก ซึ่งแผนฟื้นฟูฉบับใหม่จะใช้เวลารวม 7  ซึ่งเรื่องนี้ได้ชี้แจงให้กระทรวงการคลังทราบว่า  ระยะเวลาที่เปลี่ยนไปของEBITDA เนื่ิองจากมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการเก็บค่าโดยสาร  จากแผนฟื้นฟู ขสมก.เดิมจะจัดเก็บตามระยะทาง 15,20,25 บาทเปลี่ยนมาจัดเก็บค่าโดยสารแบบตั๋ววันที่ 30 บาท/คนตลอดสาย ซึ่งก็จะทำให้ผลประกอบการขสมก.ที่จะกลับมาเป็นบวก จะใช้เวลาเพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงการคลังก็เข้าใจแล้ว “ 

ส่วนประเด็นที่มีข้อสงสัยว่า  หาก ขสมกเป็นผู้จ้างเอกชนเดินรถตามระยะทาง (กม.) จะทำให้ ขสมก.กลับกลายเป็นผู้บริหารสัญญา มีลักษณะเป็น regulator อีกหรือไม่ หลังจากที่มีมติ ครม.เปลี่ยนบทบาทให้ขสมกเป็นผู้เดินรถแต่เพียงอย่างเดียวไปแล้วในอดีต  ซึ่งเรื่องนี้ได้สอบถามกรมการขนส่งทางบก (ขบ.)แล้ว ก็ยืนยันว่า ขสมก.สามารถดำเนินการได้ 

ทั้งนี้แนวทางที่สำคัญหลังจากนี้ คือการให้ ขสมก.จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือ workshop ร่วมกับผู้ประกอบการรถร่วมบริการ  เพื่อให้ผู้ประกอบการรถร่วมขสมกที่ขณะนี้ได้รับการจัดสรรเส้นทางเดินรถ 54 เส้นทาง สามารถนำเส้นทางมาร่วมกับการเดินรถตามแผนปฏิรูป ร่วมกับเส้นทางของขสมก. 108 เส้นทางได้ ทั้งในเรื่องของคุณภาพของรถบริการ และ ค่าโดยสาร  ส่วนประเด็นที่มีข้อสงสัยว่าเอกชนจะปฏิเสธการเข้าร่วมกับโครงการหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้ถือเป็นสิทธิ์ของเอกชน แต่ก็จะทำให้ประชาชนผู้ใช้บริการ  ได้รับผลกระทบและมีข้อสงสัยว่าทำไมบริการรถเมล์โดยสารที่ดีของภาครัฐ จึงมีความแตกต่างกับบริการรถร่วม ขสมก.

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า หลังจากโครงการแผนฟื้นฟูกิจการของ ขสมกผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ในส่วนของโครงการสำคัญเช่นการจัดหารถเมล์ไฟฟ้า (EV) 2,511 คัน  ก็จะเดินตามแผน โดยได้วางกรอบเวลาว่ารถล็อตแรก จะมีการรับมอบได้ในกลางปี 64 และรับมอบครบ  ทั้งหมดภายในปี 65 โดยความล่าช้าที่เกิดขึ้นในขณะนี้บ้าง ก็สามารถไปเร่งรัดในช่วงการรับมอบรถได้เช่น หาก รถล็อตแรกจะมา 400 คันก็สามารถเพิ่มสัดส่วนเป็น 450 คัน เพื่อให้การรับมอบไปจนครบจำนวน เป็นไปตามกำหนดเดิมที่วางไว้

ส่วนสัดส่วนการใช้วัสดุประกอบรถในประเทศ หรือ  local content ในการประกอบรถเมล์ EV นั้น ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญกับนโยบาย “ไทย เฟิร์ส” โดยการประกอบรถเมล์ EV นี้จะใช้วัสดุในประเทศถึง 51%