โปรดทราบ!ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ “เราเที่ยวด้วยกัน”เลื่อนออกไป 15 ก.ค.2563



  • ชี้ 1 ก.ค.เปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนก่อน
  • เปลี่ยนชื่อ “เราไปเที่ยวกัน”เป็น “เราเที่ยวด้วยกัน”
  • เสนอ ครม.เห็นชอบรายละเอียดพรุ่งนี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 30 ก.ค. 2563 คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่มีนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)เป็นประธาน จะเสนอให้ ครม.พิจารณารายละเอียดของ โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ ภายหลังจาก ครม.ได้เห็นชอบในหลักการไปเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา และภายหลังจากที่ ครม.วันที่ 30 ก.ค.2563 เห็นชอบรายละเอียดวิธีดำเนินการแล้ว ททท.จะเปิดแถลงข่าวโครงการนี้ในวันศุกร์ที่ 3 ก.ค. 2563


อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ฯ ได้กำหนดช่วงเวลาของโครงการนี้ใหม่ โดยวันที่ 1 ก.ค. 2563 จะเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว บริษัททัวร์ และโรงแรม ได้มาลงทะเบียนก่อน ส่วนประชาชนจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ วันที่ 15 ก.ค. 2563


นอกจากนั้น ภายใต้โครงการนี้ที่จะมี 3 แพคเกจ นั้น ในแพคเกจ “เราไปเที่ยวกัน” ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ได้ขอเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็น “เราเที่ยวด้วยกัน” ส่วนอีกสองแพคเกจยังใช้ชื่อเดิม คือ กำลังใจ และเที่ยวปันสุข
สำหรับหลักการที่ ครม.ได้เห็นชอบไปก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย 1.โครงการกำลังใจ โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าเดินทางของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวม 1.2 ล้านคน ให้เดินทางโดยการใช้บริการกับบริษัทนำเที่ยว ซึ่งรัฐจะสนับสนุนงบประมาณเดินทางไม่เกินคนละ 2,000 บาท สำหรับการเดินทางที่ไม่น้อยกว่า 2 วัน 1 คืน วงเงิน 2,400 ล้านบาท

2.โครงการเราไปเที่ยวกัน (เปลี่ยนชื่อเป็น เราเที่ยวด้วยกัน)โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรมที่พักในลักษณะร่วมจ่าย (Co-pay) จำนวน 5 ล้านคืน ในอัตรา 40% ของค่าห้องพักแต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน และสนับสนุนค่าอาหารและค่าใช้จ่ายสถานที่ท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการ และ ททท. จะแจ้งรายชื่อแก่ธนาคารกรุงไทยฯ จำนวน 600 บาทต่อห้องต่อคืน โดยส่วนนี้ใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าสถานที่ท่องเที่ยว โดยจะต้องมีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่จังหวัดในทะเบียนบ้านของประชาชนผู้จองที่พัก วงเงินรวม 18,000 ล้านบาท

3.โครงการเที่ยวปันสุข โดยรัฐบาลสนับสนุนการเดินทางของประชาชน จำนวนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน โดยการจำหน่ายบัตรโดยสารของผู้ประกอบการขนส่งด้านการท่องเที่ยว 3 กลุ่ม ได้แก่ สายการบินในประเทศไทย รถขนส่งไม่ประจำทางข้ามจังหวัด และรถเช่าในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาท โดยผู้ที่จองตั๋วเครื่องบินที่ลงทะเบียนโครงการเราไปเที่ยวกันจะได้สิทธิ์ในการลดราคาตั๋วเครื่องบินในแพคเกจนี้ด้วย โดยโครงการนี้จะใช้เงินทั้งหมด 2,000 ล้านบาท