โฆษกรัฐบาลยืนยันเสียงแข็ง!รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรเต็มที่

โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ” ให้ความมั่นใจพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยืนยันรัฐบาลช่วยเหลือเต็มที่ มอบคลัง-เกษตร-พาณิชย์ แก้ไขราคาสินค้าการเกษตร-ยกระดับผลิตผล-ส่งเสริมการตลาด ในรอบ 3 ปี อุดหนุนประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันดูแลพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ โดยเร่งให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ หารือวิเคราะห์แนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตร หามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรให้เหมาะสม ต้องดูเรื่องความเป็นไปได้ของงบประมาณ ไม่บิดเบือนกลไกตลาด เพื่อให้เป็นไปตามวินัยการเงินการคลัง โดยคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วนและกรอบวงเงินงบประมาณอย่างรอบคอบและรัดกุม ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างเป็นระบบ ให้ไทยมีพันธุ์ข้าวใหม่ๆ เป้าหมายสำคัญ คือ เกษตรกรได้ประโยชน์ รัฐบาลสามารถลดภาระด้านงบประมาณ และงบประมาณประเทศถูกใช้อย่างคุ้มค่า

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการดำเนินงานของรัฐบาลที่ผ่านมาว่า ได้มีมาตรการประกันราคาสินค้าเกษตร 5 ชนิด ทั้งข้าว ปาล์ม มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยในรอบ 3 ปี (พ.ศ. 2562-2564) ที่วาระการขออนุมัติผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบงบประมาณ อุดหนุนประกันรายได้ จ่ายส่วนต่างราคาสินค้าเกษตร 5 ชนิด รวมยอด 276,193 ล้านบาท ดังนี้ ข้าว 190,311 ล้านบาท ยางพารา 37,821 ล้านบาท ปาล์ม 22,186 ล้านบาท มันสำปะหลัง 20,372 ล้านบาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 5,503 ล้านบาท นายกรัฐมนตรียังเร่งรัดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำการลงพื้นที่เข้าสำรวจ และดูแลเกษตรกรผู้เพาะปลูก เพื่อวางแผนตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมทั้งการผลิต-การจัดจำหน่าย และการตลาดในประเทศและการตลาดต่างประเทศ

“นายกรัฐมนตรีเห็นใจพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการประกันราคาข้าว รวมทั้งยังมีมาตรการคู่ขนาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งกำชับทุกฝ่ายให้ช่วยกันดำเนินการอย่างโปร่งใส สุจริต และสามารถตรวจสอบได้ โดยเดินหน้าควบคู่ไปกับการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าว ผลิตข้าวทางเลือกที่มีมูลค่าสูง อาทิ ข้าวอินทรีย์ ยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด เพื่อให้พี่น้องชาวนาได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์ชุมชนและโรงสีข้าวอินทรีย์ของเครือข่าย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ลดต้นทุนราคาให้ข้าวไทยสามารถแข่งขันกับตลาดต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็เร่งสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร ที่สำคัญให้การเกษตรไทยสามารถสร้างรายได้เป็นอาชีพอย่างยั่งยืน” นายธนกร กล่าว