

- ธนาคารโลกย้ำถ้าไม่รวมเศรษฐกิจจีนคาดปีนี้โตแค่ 4%
- ถ้ารวมด้วยคาดขยายตัวถึง 7.7%เหตุจีนโตพรวด 8.5%
- กังวลฉีดวัคซีนช้า-วอนประเทศรวยบริจาควัคซีนส่วนเกิน
ธนาคารโลก เผยปีนี้ เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ส่อโตช้ากว่าคาด เหตุหลายประเทศกำลังเดินหน้ารับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น เชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ และจำนวนวัคซีนที่ตึงตัว
นายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก คาดว่า ปีนี้ เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ไม่รวมจีน ขยายตัว 4% ลดลงจาก 4.4% ที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนมี.ค.64 เพราะหลายประเทศ เช่น เมียนมา เศรษฐกิจ คาดลดลงถึง 10% ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่หากรวมจีน คาดว่า ปีนี้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ จะขยายตัว 7.7% สูงกว่า 7.4% ที่เคยประเมินไว้เมื่อเดือนมี.ค.64 โดยเฉพาะจีน คาดขยายตัว 8.5%
ทั้งนี้ ความรวดเร็วในการฉีดวัคซีนของชาติต่างๆ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค เพราะหลายประเทศ ยังไม่มีทีท่าที่จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ครบโดสก่อนปี 67 “ความสำคัญเฉพาะหน้าของประเทศกำลังพัฒนาคือ ประชาชนฉีดวัคซีนได้ทั่วถึง สอดรับกับแผนการฉีด”
นายมัลพาส กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ตนมีความกังวลเรื่องการฟื้นตัวที่ไม่เท่ากัน ประเทศกำลังพัฒนาฟื้นตัวหลังประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากประชาชนฉีดวัคซีนครบโดสมากกว่า “นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราถึงให้ความสำคัญมากกับการขยายการเข้าถึงวัคซีน”
โดยก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน นายมัลพาส ระบุว่า ธนาคารโลกได้เพิ่มงบประมาณในการจัดซื้อ และฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เป็น 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเดิม 12,000 ล้านเหรียญฯ อีกทั้งยังเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้ว บริจาควัคซีนส่วนเกินให้กับประเทศกำลังพัฒนา ที่ขณะนี้กำลังต้องการเป็นอย่างมาก
ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก สวนทางกับอังกฤษและเยอรมนีอย่างมาก เพราะ 2 ประเทศนี้กำลังเตรียมยกเลิกมาตรการคุมเข้มที่เหลือเกือบทั้งหมด แต่หลายประเทศในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกำลังล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่ติดต่อได้ง่ายขึ้น
วิกฤติโควิดรุนแรงยิ่งขึ้นในเมียนมา ที่เกิดความวุ่นวายตั้งแต่ทหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผลักดันให้เศรษฐกิจปีนี้หดตัวมากยิ่งขึ้นในปีนี้ ธนาคารโลกเคยคาดการณ์ในเดือน มี.ค.ว่า เศรษฐกิจเมียนมาจะดิ่งลงถึง 10%