“แอล เอ อินทีเรีย” ชี้ธุรกิจออกแบบตกแต่งภายใน ไม่กระทบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง



  • เดินเครื่องชูกลยุทธ์ O2O ขยายฐานลูกค้าระดับกลาง-บน ถึง ไฮเอนด์
  • ตั้งเป้าดันรายได้ปีนี้แตะ 100 ล้านบาท

นายปริญญา แสงเงิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอ อินทีเรีย จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการงานออกแบบตกแต่งภายใน-ภายนอก รูปแบบ Contemporary Classic และ Modern Classic พร้อมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ในการปิดไซต์งานก่อสร้าง และที่พักแรงงานภายในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงห้ามแรงงานเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นระยะเวลา 30 วัน และห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นการชั่วคราว เพื่อควบคุมและชะลอการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น บริษัทไม่ได้รับผลจากมาตรการดังกล่าว โดยยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติเนื่องจากเป็นงานลักษณะการตกแต่งที่พักส่วนตัว และไม่มีแคมป์คนงานสำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ อีกทั้งบริษัทยังได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 คนงานทั้งหมด รวมถึงการแนะนำให้ปฏิบัติตัวตามมาตรการภาครัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยและสร้างความไว้วางใจต่อลูกค้า

ทั้งนี้สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มเติมไปยังระดับกลาง-บน ถึงระดับไฮเอนด์ ที่มีความสนใจในงานออกแบบตกแต่งรูปแบบ Contemporary Classic และ Modern Classic โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีกำลังซื้อรุ่นใหม่ ที่เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวมองหาที่อยู่อาศัยกันมากขึ้น โดยมองว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้มีพฤติกรรมในการเลือกซื้อ และตัดสินใจซื้อที่รวดเร็ว แต่ยังคงตระหนักถึงความคุ้มค่าและสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตนเองได้มีความต้องการความเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น และสามารถบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จของตนเองผ่านที่พักอาศัยคาดว่าจะเป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดในอนาคต

นายปริญญา กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทมุ่งเน้นการใช้กลยุทธ์ O2O Marketing (Online to Offline Marketing) การตลาดออนไลน์ควบคู่กับกลยุทธ์การตลาดออฟไลน์ เข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้เป็นที่รู้จัก โดยพัฒนาเว็บไซต์สำหรับนำเสนอรูปแบบบริการงานออกแบบตกแต่งภายใน-ภายนอก และงานตกแต่งเฉพาะทางในรูปแบบ Virtual life พร้อมพัฒนาFacebook : L.A Interior และ IG : LA Interior Thailand เป็นช่องทางการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและบริการต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงลูกค้าจากตลาดออนไลน์มาสู่ตลาดออฟไลน์

ขณะเดียวกันบริษัทวางแผนขยายการให้บริการธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ บนที่ดินทำเลศักยภาพสูงอย่างครบวงจร อาทิโรงแรม และ บ้านพักตากอากาศ เพื่อตอบสนองความต้องการพัฒนาอสังหาฯของกลุ่มเป้าหมายและเจ้าของที่ดินปัจจุบันมีงานที่กำลังดำเนินการอยู่ในภายในโครงการพื้นที่เขาใหญ่ มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจทำให้ธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในชะงักลงไปบ้าง แต่สำหรับกลุ่มผู้มีกำลังซื้อที่มีความต้องการงานออกแบบตกแต่งลักชัวรียังมีดีมานด์ค่อนข้างดี และบริษัทยังสามารถเข้ารับงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัททยอยรับงานไม่เกิน 5 งานต่อปีเพื่อรักษาคุณภาพงานให้เป็นไปตามมาตรฐานบริษัท คาดว่างานที่ได้รับทั้งหมดหากดำเนินการตามแผนจะส่งผลให้มีรายได้ปีนี้อยู่ที่ 100 ล้านบาท” นายปริญญา กล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับสัดส่วนลูกค้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มตกแต่งบ้านพักอาศัย (End User) จำนวน 90% และ กลุ่มงานโครงการต่าง ๆ อาทิ โรงแรม รีสอร์ท อาคาร สำนักงาน จำนวน 10%