แมคโดนัลด์เผยยอดขายทุบสถิตินิวไฮ เปิดกลยุทธ์สู่ความสำเร็จตัวจริงเจ้าแห่งเบอร์เกอร์



กางแผนลงทุนปีนี้ 600 ล้านเพื่อขยายสาขาใหม่และลงทุนอุปกรณ์ดิจิทัล แมคโดนัลด์เผยยอดขายทุบสถิตินิวไฮ เปิดกลยุทธ์สู่ความสำเร็จตัวจริงเจ้าแห่งเบอร์เกอร์

  • พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ความสำเร็จดันยอดขายเติบโตอีก 15%
  • เกาะกระแสเทคโนโลยีสอดรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคปัจจุบัน
  • สร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

นางสาวกิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาแมคโดนัลด์ มียอดขายสูงถึง 7,213 ล้านบาท เติบโต 31% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้ามียอดขาย 5,504 ล้านบาท มีผลกำไร กำไร 315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168% จากปีก่อนหน้า นับทำสถิตินิวไฮสูงสุดตั้งแต่รุกตลาดประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 38 ปี ทั้งนี้ตลาดร้านอาหารบริการด่วน หรือ QSR (Quick Service Restaurant) ในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 45,000 ล้านบาทเติบโตในระดับ 6-8% แบ่งเป็นตลาดเบอร์เกอร์ 9.8 พันล้านบาท ตลาดไก่ทอดกว่า 3 หมื่นบ้านบาทที่เหลือเป็นตลาดพิซซ่า ซึ่งแม็คโดนัลด์สร้างการเติบโตสูงกว่าตลาดรวมมากจากหลายกลยุทธ์​จากตลาดเปิดตัว หลังโควิด -19 ผู้บริโภกลับมาหาแม็คโดนัลด์

สำหรับทิศทางของแมคโดนัลด์ในปีนี้จะลงทุน 600 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายเติบโตอีก 15% ทั้งการขยายสาขาใหม่และการลงทุนผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ ที่ตั้งเป้าจะครอบคลุมในทุกสาขาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า สร้างความทันสมัย ประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า โดยจะขายสาขาใหม่เพิ่มอีก 20 สาขาและปรับปรุงสาขาเดิมอีก 25 สาขา จากปัจจุบัน 230 สาขา

โดยสาขาใหม่ของแมคโดนัลด์ได้จะเพิ่มคอนเซปท์ใหม่อีก 2 แนวคิดคือคอนเซปต์ ‘CUBE’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสุขในการแกะกล่อง Happy Meal มาผสานองค์ประกอบการออกแบบเพื่อเปลี่ยนโฉมความทรงจำในวัยเด็กสู่พื้นที่จริง และ คอนเซปต์ ‘Essential Ingredients 2.0’ หยิบเอาเอกลักษณ์ของแมคโดนัลด์ ในรูปทรงแบบ ไดนามิกและสีสันต่างๆ มาถ่ายทอดในรูปแบบของศิลปะป๊อปอาร์ตที่สนุกสนาน

ทั้งยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจสร้างความยั่งยืนด้วยหลัก ESG ย้ำการเป็น Green & Sustainable โดยมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพการให้บริการให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามเทรนด์เทคโนโลยีในปัจจุบัน

ด้วยสาขาต้นแบบที่มีการตกแต่งบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกร้านอย่างใส่ใจด้วยวัสดุรีไซเคิล สร้างบรรยากาศอันร่มรื่นด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมอำนวยความสะดวกให้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยจุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging) โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบภายในไตรมาส ที่ 2 ของปี 2567

มาจากปัจจัยความสำเร็จภายใต้ 5 กลยุทธ์หลักที่ดำเนินการ

BIC & Chicken Leadership: ครองใจ Gen Z ด้วยไก่ทอดแมค

ตลาดไก่ทอดในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยในปี 2566 มูลค่าตลาดไก่ทอดในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 31,026 ล้านบาท ดังนั้น การสร้างกลยุทธ์ที่ผลักดันให้เกิดการเติบโตในกลุ่มไก่ทอดแมค จึงถือเป็นโอกาสทองของแมคโดนัลด์ที่จะต่อยอดความสำเร็จของไก่ทอดแมคจากปีที่ผ่านมาซึ่งเติบโตได้ถึง 40% จากการปรับสูตรใหม่ให้กรอบนอก ชุ่มฉ่ำเข้าถึงเนื้อ และรสชาติที่อร่อยเข้มข้น

ในปีนี้เรามีแผนที่จะสร้างการเติบโตไก่ทอดแมคอย่างแข็งแกร่ง โดยการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ ‘ต้าห์อู๋ x ออฟโรด’ ตัวแทนของกลุ่ม Gen Z และยังเป็นแฟนไก่ทอดแมคตัวจริง มาถ่ายทอดและบอกเล่าถึงรสชาติความอร่อยของไก่ทอดแมค ทั้งยังคงเพิ่มโอกาสการเข้าถึงของกลุ่ม Gen Z ที่มีความนิยมในการบริโภคไก่ทอดมากเป็นพิเศษ

ซึ่งจากแคมเปญล่าสุดสามารถสร้างยอดขายไก่ทอดแมค เพิ่มขึ้นอีกกว่า 50% โดยเฉพาะชุดบักเก็ตไก่ทอดแมคที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เรายังมีแคมเปญและโปรโมชั่นต่างๆ ของไก่ทอดแมคต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญของคนไทย เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการซื้อ การร่วมแชร์ความอร่อยระหว่างเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว ในทุกๆ เทศกาลแห่งความสุข คาดว่าในปี 2567 แมคโดนัลด์จะสามารถทำให้ไก่ทอดแมคเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อีก

Flagship Value Platform: ตอบโจทย์ ‘ความคุ้มค่า’ ให้กับลูกค้า

ความ ‘อร่อย’ และ ‘คุ้มค่า’ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอาหารอยู่เสมอ แมคโดนัลด์ จึงยังคงเดินหน้าให้บริการอาหารที่มีคุณภาพ ในราคาที่คุ้มค่า แต่ยังคงอิ่มอร่อยได้ทุกวัน ด้วยเมนูที่หลากหลาย สามารถเลือกอร่อยคุ้มในมื้อเที่ยง มื้อยามบ่าย หรือมื้อเย็นได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นชุด ‘EVM’ (Everyday Value Meals) ในราคาเพียง 99 บาท มีทั้งชุดเมนูเบอร์เกอร์ ชุดเมนูไก่ทอดแมค พร้อมเครื่องดื่ม หรือ ชุด ‘McSavers 1+1’ ในราคาเพียง 55 บาท ให้เลือกจับคู่เมนูของว่างและของหวาน โดยในปีที่ผ่านมา ชุด ‘EVM’ มีอัตราการเติบโตมากถึง 47.8% ในขณะที่ชุด ‘McSavers 1+1’ มีอัตราการเติบโตกว่า 12%

Burger Leadership: ย้ำตัวจริงด้านเบอร์เกอร์คุณภาพเยี่ยม

เบอร์เกอร์นับเป็น Portfolio หลักของแมคโดนัลด์ ที่ยังเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมตอกย้ำความเป็นตัวจริงด้านเบอร์เกอร์ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นความเป็นผู้นำเรื่องคุณภาพและรสชาติ ตามคอนเซปต์ Hotter, Juicier, Tastier ที่เราได้เปิดตัวในช่วงปลายปี 2566 เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเบอร์เกอร์มากขึ้น โดยเน้นย้ำถึงคุณภาพและรสชาติเบอร์เกอร์ด้วยเนื้อ 100% นำเข้าจากออสเตรเลีย ชุ่มฉ่ำขึ้นด้วยวิธีย่างเนื้อสุดพิเศษ พร้อมขนมปังสูตรเฉพาะของ แมคโดนัลด์ที่มีความนุ่มและมันวาว (Softer Glazed Bun) ที่สร้างความแตกต่างจากตลาดได้อย่างชัดเจน โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถผลักดันให้ยอดขายสามารถเติบโตได้ต่อไป

Experience of the Future (EotF): ประสบการณ์บริการที่ทันสมัย ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่

แมคโดนัลด์ มุ่งสร้างประสบการณ์การการรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ที่ไม่ใช่เพียงความอร่อยและคุ้มค่แต่ยังรวมถึงการสร้างประสบการณ์การได้รับการบริการผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ (SOK) ที่รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด สามารถให้ลูกค้าเลือกซื้อเมนูอาหารได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีบริการเสิร์ฟอาหาร ที่โต๊ะ (Table Service) และพนักงานต้อนรับ (GEL – Guest Experience Leader) ผู้คอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด ถือได้ว่าแมคโดนัลด์เป็นเพียงแบรนด์เดียวใน QSR ที่ให้ความสำคัญและส่งมอบประสบการณ์ การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า โดยตั้งเป้ามอบประสบการณ์บริการที่ทันสมัยครบ 100% ภายในปีนี้อย่างแน่นอน

Stores Expansion: สร้างสาขาใหม่ ดีไซน์ใหม่ จับอินไซด์ลูกค้า ด้วย Sustainability Concept

ปี 2567 แมคโดนัลด์ เดินหน้าเปิดสาขาใหม่กว่า 20 สาขา และรีโนเวทร้านสาขาเดิมจำนวน 25 สาขา ภายใต้การออกแบบที่ตรงตามอินไซด์ลูกค้าทุกกลุ่ม และเน้นสร้างบรรยากาศผ่อนคลายและสนุกสนาน ในปี 2566 เราได้เปิดตัวร้านดีไซน์ใหม่ 2 สาขา คือ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ และ บางแค ด้วยคอนเซ็ปต์ ‘Geometry’ โมเดิร์น ทันสมัย แต่งเติมด้วยลวดลายเฉพาะตัวในสีสันสดใส

ในปีนี้เรามีแผนที่จะใช้ดีไซน์ร้านด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่อีก 2 คอนเซปต์ ได้แก่ คอนเซปต์ ‘CUBE’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสุขในการแกะกล่อง Happy Meal มาผสานองค์ประกอบการออกแบบเพื่อเปลี่ยนโฉมความทรงจำในวัยเด็กสู่พื้นที่จริง และ คอนเซปต์ ‘Essential Ingredients 2.0’ หยิบเอาเอกลักษณ์ของแมคโดนัลด์ ในรูปทรงแบบไดนามิกและสีสันต่างๆ มาถ่ายทอดในรูปแบบของศิลปะป๊อปอาร์ตที่สนุกสนาน ทั้งยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจสร้างความยั่งยืนด้วยหลัก ESG ย้ำการเป็น Green & Sustainable โดยมีเป้าหมายยกระดับคุณภาพการให้บริการให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามเทรนด์เทคโนโลยีในปัจจุบัน

ด้วยสาขาต้นแบบที่มีการตกแต่งบรรยากาศทั้งภายในและภายนอกร้านอย่างใส่ใจด้วยวัสดุรีไซเคิล สร้างบรรยากาศอันร่มรื่นด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมอำนวยความสะดวกให้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยจุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging) โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบภายในไตรมาส ที่ 2 ของปี 2567

“แม้สถานการณ์ทางทุกธุรกิจ QSR จะมีความท้าทายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่เรายังคงมั่นใจว่ากลยุทธ์การดำเนินงานแนวรุกที่แข็งแกร่งด้วยงบประมาณการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 600 ล้านบาท และความมุ่งมั่นของเราจะผลักดันให้แมคโดนัลด์สามารถก้าวสู่ความสำเร็จและเติบโตได้กว่า 15% ภายในปีนี้” นางสาวกิตติวรรณ กล่าวทิ้งท้าย