แบงก์กรุงไทยเปิด 7 ยุทธศาสตร์ สร้างองค์กรเติบโตอย่างมั่นคง ไม่ทิ้งใครอยู่ข้างหลัง พร้อมรับมือโลกการเงินยุคใหม่



  • ต่อยอดดิจิทัลแบงก์กิ้งทุ่มงบลงทุนไอทีอีก1.2หมื่นล้าน
  • จ่อคิวเปิดให้บริการWealth-Techเจาะตลาดเศรษฐีรุ่นใหม่พร้อมรุกปล่อยสินเชื่อร้านธงฟ้า
  • แย้มปีหน้ามีลุ้นผนึกกำลังเอไอเอสเปิดตัวVirtual Bank

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชนเปิดเผยในงาน CEO Vision : Business Strategy 2023ว่า ธนาคารกรุงไทย ได้กำหนดแผนงาน 5 ปี  ระหว่างปี 2566-2570  เพื่อเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ภายใต้แนวคิด “มุ่งสร้างคุณค่า สู่ความยั่งยืน” เพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างมั่นคง ตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสีย    ทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม ทั่วถึง แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายใต้ 7 ยุทธศาสตร์หลัก ดังนี้

1.ปลดล็อคศักยภาพในการสร้างมูลค่าจากการทำธุรกิจกับคู่ค้าของลูกค้า(X2G2X)เร่งต่อยอดยุทธศาสตร์X2G2Xให้เกิดการเชื่อมโยงในเชิงลึกในกลุ่มลูกค้าต่างๆทั้งB2B B2C G2BและG2Cและมีแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์คู่ค้าของลูกค้าทั้งการเร่งสร้างEconomic Valueจากแอปฯเป๋าตังและถุงเงินเสริมศักยภาพผู้ประกอบการSMEให้แข็งแกร่งต่อยอดความร่วมมือที่ได้ลงทุนไปแล้วทั้งระบบSmart Transit ตั๋วร่วมSmart HospitalและDigital Business Platformเป็นต้น

2.ขับเคลื่อนประสิทธิภาพองค์กรด้วยดิจิทัลและข้อมูล เร่งนำข้อมูลและเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็น Process Digitalization โดยนำระบบ RPA หรือ Robotic Process Automation และการใช้ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานภายในของธนาคารมากขึ้น ทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้กระดาษ (Paperless) นำไปสู่โครงสร้างการประเมินอัตรากำลังที่เหมาะสมในการให้บริการผ่านสาขา ผสมผสานการให้บริการออนไลน์สู่ออฟไลน์ได้เต็มศักยภาพ โดยช่องทางสาขาจะถูกปรับเป็นการให้บริการทางธุรกิจ และอยู่ระหว่างการทดสอบในพื้นที่ EEC  

3.เปิดตัวแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างการเติบโตในมิติใหม่  พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่สามารถ      ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ทั้ง Virtual Banking ที่ธนาคารจะร่วมกับพันธมิตร เพื่อดำเนินการ และWealth-Tech เพื่อเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและบริการทางการเงินในทุกระดับชั้น ต่อยอดสร้างศักยภาพการออม เสริมสร้างความมั่งคั่งให้คนไทย

4.สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม เท่าเทียม และยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG  สนับสนุนประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม โปร่งใส  ลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างการกระจายรายได้ เชื่อมโยงกลุ่มลูกค้า SME กับ Digital Economy และเร่งปรับตัวเข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรม New S-Curve เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน

5.พัฒนาและเสริมสร้างขีดความสามารถการทำงานแห่งอนาคต เร่งสร้างการบริหารความเสี่ยงที่ มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านความพร้อมของระบบรองรับ PDPA & Cyber Risk เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า  ทุกกลุ่ม บริหารจัดการNPL และ NPA เพื่อแก้ปัญหาปรับแป็นสินทรัพย์ที่สร้างคุณค่าในเวลารวดเร็วขึ้น พร้อมบูรณาการบริษัทในเครือ สร้างประโยชน์จากสินทรัพย์ให้เต็มศักยภาพ บนความร่วมมือแบบ ONE Krungthai

6.ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีหลักขององค์กร  ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT และ Digitalization อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับโครงสร้างเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย มั่นคง ปลอดภัย มีเสถียรภาพ มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อสนับสนุนการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

และ7.ปฏิรูปวัฒนธรรมและปลูกฝังวิธีการทำงานแบบใหม่เพื่อขับเคลื่อนองค์กรด้วยความคล่องตัว ปรับวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ให้เป็นไปในลักษณะ Agility มีความกระฉับกระเฉง โดยอาศัยหลักการแบบ Fail Fast Learn Fast ยกระดับพนักงานให้มีทักษะใหม่ๆ (Upskill/Reskill)  สามารถดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถในระดับประเทศและระดับโลกเข้ามาทำงานเสริมสร้างความแข็งแกร่ง เป็นองค์กรแห่งการสร้างผู้นำในอนาคต

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจธนาคารกรุงไทยในระยะต่อไป อยู่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางการเงินใหม่ ที่เปิดกว้างใน 3 ด้านคือ 1.Open Infrastructure การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับทั้งผู้เล่นใหม่ และผู้เล่นปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการแข่งขันและต่อยอดในเชิงนวัตกรรม

2.Open Data ส่งเสริมให้เกิดการแบ่งปันข้อมูล เช่น การสนับสนุนให้มีธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank เป็นต้นและ3.Open Competition ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายที่สุด จากการแข่งขันที่เปิดกว้างจากผู้เล่นใหม่ เส้นแบ่งการแข่งขันระหว่างธนาคารและสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) ที่แยกกันไม่ออก

กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ยังกล่าวถึงแผนกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงานปี2566ว่า  ธนาคารมุ่งเน้นการต่อยอดสู่องค์กรดิจิทัล และนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในกระบวนการทำงานมากขึ้น พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และเตรียมปรับรูปแบบสาขาใหม่ นำร่อง 20 สาขา พัฒนาไปสู่ดิจิทัลพนักงานสาขาให้บริการแท็บเล็ต  โดยมีการตั้งงบลงทุนด้านไอทีในปีนี้ไว้ที่ 12,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้ใช้งบลงทุนไอทีปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท

ในปีนี้ธนาคารเตรียมเปิดให้บริการ Wealth-Tech ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ และตลาดกลุ่มแมส ซึ่งในประเทศไทยยังเติบโตได้สูงมาก

ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) ร่วมกับบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชนหรือเอไอเอส  โดยรูปแบบจะเป็นการตั้งบริษัทใหม่ถือหุ้นร่วมกัน ขณะนี้รอความชัดเจนเกียวกับกฏเกณฑ์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าภายใน 2-3 เดือนจะเห็นความชัดเจน และหลังจากนั้นหากธนาคารได้ข้อสรุปรวมกันกับเอไอเอส  คาดว่าการเปิดให้บริการเร็วสุดน่าจะเป็นปี 2567

สำหรับแผนธุรกิจธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อ 3-5% จากปีก่อน 4.3%  พร้อมกับต่อยอดปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีรายย่อย ในกลุ่มร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่มีอยู่ประมาณ 1.7 ล้านร้านค้า ที่ธนาคารติดตั้งเครื่องรูดบัตร (อีดีซีและเปิดบริการแอปเป๋าตุง  พร้อมปล่อยสินเชื่อออนไลน์ผ่านแอปเป๋าตัง 8,000-10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ปล่อยกู้5,000 ล้านบาท  

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล ปีนี้ตั้งเป้าบริหารจัดการให้ต่ำกว่า 3.5% จากปีก่อน 3.26% โดยการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เพื่อบริหารหนี้ทั้งเอ็นพีแอล และสินทรัพย์รอการขาย หรือเอ็นพีเอ อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยมีพันธมิตรถึง 3-4 ราย แต่ละแห่งจะมีความชำนาญที่แตกต่างกันออกไป คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้