

- ตั้งเป้ายอดขายแตะ 20,000 ลบ. ปี 2564
- ปี 2564 ยอดโอนทะลุ 19,000 ลบ.
- เปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการมูลค่า 17,000 ลบ.
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส ซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) แถลงแผนการดำเนินงานปี 2564 ว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการเป็นส่วนของแนวราบ 8 โครงการ มูลค่า9,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 3 โครงการมูลค่า 8,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะมียอดขายแตะระดับ 20,000 ล้านบาท และมียอดโอนที่ 19,000 ล้านบาท
“เราตั้งเป้าปี 2564-2565 เป็นปีที่เราเน้นการเปิดตัวโครงการในแนวราบเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าและมีแผนลงทุนเพื่อซื้อที่ดินใหม่ไม่น้อยกว่า 30 แปลง และมีมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท เพื่อ สร้างที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่น้อยกว่า 35,000 ล้านบาทในปี 2564-4565 หลังจากที่เราสามารถขับเคลื่อนองค์กรผ่านวิกฤติการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (Covid-19) ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงสุดถึง 16,602 ล้านบาท มาจากแนวราบ 14,757 ล้านบาท มี market share บ้านเดี่ยวราคามากกว่า 10 ล้านบาทสูงสุดในตลาดที่ 26% ในปี 2563” นายณัฐพงศ์ กล่าว

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2564 นายณัฐพล กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญใน 3 ประเด็นคือ เตรียมความพร้อมในด้านที่ดินมีเป้าหมายโอนที่ดิน 30 แปลง สร้างที่อยู่อาศัยมูลค่า 35,000 ล้านบาท บริหารสภาพคล่องทางการเงินให้มีความพร้อม โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินสดพร้อมเบิก 10,000 ล้านบาท ขณะที่มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(Debt-to-Equity Ratio) ณสิ้นปี 2563 ที่ 1.38:1 ลดลงจาก 1.58:1 ในปี 2562 และพัฒนาสินค้าและบริการให้มีความพร้อมทั้งเรื่องการออกแบบเทคโนโลยี่ และการให้บริการหลังการขาย Living Solution
ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Venue i-D ระดับราคา 5-10 ล้านบาท เจาะตลาดgen Y และ บ้านสำหรับคนโสดและบ้าน SoU-21 นอกจากนี้ยังมีการนำเอาเทคโนโลยี่ เข้ามาใช้ในการดูแลที่อยู่อาศัยทั้งระบบปฏิบัติการ RuejaiOS, RuejaiPulse ที่มาตรวจระบบการทำงานของระบบไฟฟ้า ระบบประปา เพื่อการตรวจความพร้อมในการใช้งาน และการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการดูแลที่อยู่อาศัย รวมทั้งการพัฒนางานบริการภายใต้แนวคิด Living Solution ภายใต้การบริการหลังการขายของ RueJaiClub ประกอบด้วย บริการสุขาภิบาล,ส่งน้ำ, แม่บ้าน, การให้บริการบำรุงรักษาบ้าน, บริการด้านวิศวกรรมอย่างการปิดโพรงใต้บ้าน, และการกำจัดปลวก

ในขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้าขายคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ที่มีอยู่ในสต็อกทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท ได้ภายใน 2 ปี โดยนายณัฐพล กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัว เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ซื้อเปลี่ยนแปลงไป หลังจากเกิดวิกฤติ Covid-19 แต่อย่างไรก็ตามบริษัทเชื่อว่ากลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมทั้งในและต่างประเทศจะกลับคืนมาทำให้มั่นใจว่าเราจะสามารถขายสินค้าคงเหลือที่มีอยู่ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี